•…การเมืองคึก เคลื่อนไหวทั้งบนดินฉากหน้า ใต้พื้นผิวน้ำนอกกติกา ยังไม่ทันเข้าลู่วิ่ง รอปล่อยตัว งัดสารพัดเล่ห์ เอาชนะเลือกตั้งแบบใสๆ ขุ่นๆ แบบไม่ต้องคำนึงถึงวิธีการ ความชอบธรรม นวัตกรรมใหม่ ‘การเมือง 4.0’ ที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่หลังตลาดกลาง ประมูลแย่ง ‘อดีต ส.ส.ตัวท็อป’ เข้าสังกัดปิดตามเส้นตายย้ายพรรค ขณะนี้ ‘ขบวนการไล่ล่า’ ยึดเก้าอี้ ส.ส.รุกต่อ เกมใหม่คือพยายาม ‘ตัดคู่แข่ง’ ออกจากสนาม หมดเวลาย้าย ไม่มาไม่เป็นไร อยู่พรรคเก่านั่นแหละ แต่ไม่ลงสมัครได้หรือไม่ มีค่านอนอยู่บ้านเฉยๆ แถมให้ ตามอัตราความแรง คะแนนเสียงในพื้นที่ 8 หลักอัพ
•…‘นกต่อ’ เปิดดีลก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ได้คุ้ม-ใช้คุ้ม ก็อาศัยเกลอเก่าที่ย้ายมาแล้ว ต่อสายให้บ้าง ใช้ช่องทางอื่นบ้าง อย่าว่าแต่อดีตผู้แทน 3-4 พรรคที่ถูกออฟเฟอร์ ขอให้พักผ่อนนอนกอดสตางค์เลย แม้แต่ ‘หัวคะแนนใหญ่’ แต่ละพื้นที่ก็ไม่เว้น มีความพยายามช้อป-ดึงตัวอุตลุด ออปชั่นให้เลือก 2 แบบ 1.ย้ายฝั่งมาทำพื้นที่ให้ หรือ 2.ถ้าอึดอัดใจ ก็ให้อยู่เฉยๆ อย่าออกแรง ช่วยฝั่งคู่แข่ง สนนราคาหากไม่พอใจ ต่อรองได้ เงินเยอะ
•…เลือกตั้งทั่วไปปีหน้า ถูกจับตา นักการเมือง-ฝ่ายวิชาการดักคอ อาจเทียบชั้น หรือยิ่งกว่าพลร่ม ไพ่ไฟปี 2500 เสียอีก ทุกฝ่ายฝากความหวังไว้กับ ‘กกต.ไฮบริด’ ถ้าอิสระ-ตรงไปตรงมา ก็ไม่น่าวิตกกังวล แต่เห็นแต่ละปมเรื่องที่เสนอไอเดียมา ถือว่าน่าห่วง อย่างเรื่อง ‘บัตรเลือกตั้ง’ กว่าจะจบได้ด้วยดี ต้องให้มีคนทักคนท้วงว่าไม่มีชื่อพรรค-โลโก้สัญลักษณ์ ใช้ไม่ได้ มันสะท้อนหลักคิด อะไรต่อมิอะไรเหมือนกัน
•…‘พลังประชารัฐ’ ติดชาร์ต พรรคการเมืองอู้ฟู่ที่สุดยามนี้ เอาแค่เงินที่เห็นสดๆ ระดมจากจัดโต๊ะจีน ทุนหน้าตักปาเข้าไป 650 ล้าน ได้เกินเป้า 50 ล้าน นักธุรกิจ เศรษฐี นายทุนควักไม่อั้น แบบไม่ต้องรีรอ ตั้งราคาโต๊ะละ 3 ล้าน ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ‘เสี่ยตั๊น’ แม่งานจัดอีเวนต์ บอกกล่าว บางรายสายเปย์ จ่ายเกินกว่าด้วยซ้ำไม่เอาเงินทอน เนื้อหอมคนแห่แทงหวย สมฐานะเต็ง 1 พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
•…งานระดมทุน พลังประชารัฐ ไม่เสียของ แต่เสียดาย งานใหญ่-พรรคใหญ่ อยู่ในโฟกัสจับจ้องของสังคมระดับนี้ ที่จริง หัวหน้าพรรคต้องขึ้นเวที ‘โชว์นโยบาย’ มีของมาขาย ‘ได้ทั้งเงิน-ได้ทั้งงาน’ แต่ก็ปล่อยโอกาสหลุดลอย งานเงียบหงอย รีบจัด-รีบปิด นี่แหละค่าที่ต้องจ่ายให้กับการสวมหมวก 2 ใบ อุตตม สาวนายน ขยับอะไรมากไม่ได้ สุ่มเสี่ยงขัดกฎหมาย
•…อั้นไม่ไหว กนง. ‘ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย’ 1 สลึง ในรอบ 7 ปี ขยับยืนอยู่ที่ 1.75% ไม่ขึ้นก็มีปัญหาเงินไหลออก ขึ้นก็มีปัญหา กระทบภาพรวม เศรษฐกิจประเทศเผชิญความเสี่ยงสูงขึ้น กระทบกลุ่มสินเชื่อ ติดหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ฝั่งคุมนโยบายการเงินเห็นความจำเป็นที่ต้องลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน แต่จับอารมณ์ ขุนคลัง-อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ที่ว่า “การขึ้นดอกเบี้ยเพื่อให้มีกระสุนการเงินไว้ดูแลเศรษฐกิจ” นั้น มันจำเป็นในช่วงนี้หรือไม่ เพราะต้องซื้อกระสุนด้วยต้นทุน 1 หมื่นล้านต่อปี ทำให้หนี้ประชาชน หนี้ภาครัฐ หนี้แบงก์ชาติเพิ่ม ขณะเครื่องมือการคลังลด เหตุนำงบไปจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้น …ไม่ปลื้มอย่างแรง ก็แน่นอน ต่อไปดอกเบี้ยจะทิ่มแทงทะลุถึงรัฐบาล มืออ่อนเศรษฐกิจ
ปักหมุด