เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรพศ ทวีศักดิ์ นักวิชาการด้านศาสนา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแสดงความเห็นในประเด็นคลิปนายวัฒนา เมืองสุข และนางสาวนัฏฐา มหัธนา โดยระบุว่า ศีลธรรมไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาตัดสินผู้อื่น แต่เป็นเรื่องของการเคารพสิทธิ สังคมควรเลิกนำเรื่องส่วนตัวทางเพศมาทำลายผู้หญิง
เนื้อหาส่วนหนึ่งดังนี้
ทำไมเลือกนำเรื่องส่วนตัวมาใช้ทำลายผู้หญิง
เรื่องคลิปที่เป็นข่าวเป็นเรื่อง “ส่วนตัว” ที่ “ไม่ผิด” ทั้งทางศีลธรรมและกฎหมาย ถ้าเขาบรรลุนิติภาวะแล้วและโสดทั้งคู่ นี่เป็นเสรีภาพส่วนบุคคลที่คนอื่น สังคม หรือรัฐไปก้าวก่ายไม่ได้
คนที่ทำผิดทั้งทางศีลธรรมและกฎหมาย สมควรถูกสังคมประณามและถูกดำเนินการทางกฎหมายคือคนที่แอบถ่ายและเผยแพร่คลิป คนที่ทำหรือคนที่สั่งให้ทำแบบนี้ “ไม่มีศักดิ์ศรี” ใดๆ เลย
คำถามสำคัญคือ ทำไมในบ้านเรา บรรดาบุรุษเพศจึงนิยมนำ “เรื่องส่วนตัว” ทำนองนี้มา “ทำลายความน่าเชื่อถือ” ของผู้หญิงเท่านั้น จากกรณียิ่งลักษณ์ จนล่าสุดคือกรณีที่เป็นข่าววันนี้
คำตอบคงไม่ใช่เพราะบุรุษเพศที่ทำเช่นนั้นคิดหรือเชื่อจริงๆ ว่าเรื่องส่วนตัวที่เขานำมาประจานเป็นเรื่องผิดศีลธรรม แต่เพราะเขาเชื่อว่านี่เป็นวิธีการที่ได้ผลมากที่สุดในการทำลาย “บุคคลเป้าหมาย” โดยฉวยโอกาสจากความเชื่อของคนส่วนใหญ่ในสังคมที่เชื่อกันอยู่แล้วว่า เรื่องแบบนี้เสื่อมเสียสำหรับเพศหญิง
แต่นี่ศตวรรษที่ 21 แล้ว สังคมเราจำเป็นต้องมี “วุฒิภาวะ” พอที่จะสร้างจิตสำนึกหรือมีวัฒนธรรมเคารพสิทธิส่วนบุคคล และเคารพ “ความเสมอภาคทางเพศ” อย่างแท้จริง
เราต้องตั้งคำถามว่า ทำไมเรื่องแบบเดียวกันที่ผู้ชายทำจึงไม่ถูกจับผิด หรือนำมาประจาน เช่นคนที่มีตำแหน่งใหญ่โตไปตรวจงานต่างจังหวัด หรือไปต่างประเทศแล้วมีลูกน้องจัดหา “เด็ก” มาให้ ทำกันแบบนี้มายาวนานไม่ใช่หรือ ไม่เห็นมีใครยกมาโจมตี หรือกระทำด้วยวิธีการใดๆ เพื่อดิสเครดิตผู้ชายที่มีพฤติกรรมเช่นนั้น
ดังนั้น เรื่องส่วนตัวทางเพศ มันไม่ใช่เรื่องชายได้ หญิงเสีย หรือชายถูก หญิงผิด แต่เป็นเรื่อง “สิทธิเท่าเทียม” ของทุกเพศที่เราต้องเคารพ ส่วนบทบาทในทางสาธารณะ เราก็ต้องประเมินเขาจากหลักการสาธารณะ ไม่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของบุคคลนั้นๆ
เลิกเอาเรื่องส่วนตัวทางเพศมาทำลายผู้หญิงได้แล้วครับ เลิกทำตัวเป็น “ทารกไม่รู้จักโต” กันได้แล้ว!
ไม่ควรดัดจริตว่าเรื่องเซ็กซ์เป็นเรื่องผิดศีลธรรม หากเป็นเรื่องโดยสมัครใจทุกฝ่ายของคนที่โตแล้ว รับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ไม่ได้ละเมิดใคร เช่นไม่ได้หลอกลวง ข่มขืน ฯลฯ
และอย่าดัดจริตว่าเป็นเรื่องเสียหายของผู้หญิง ขณะที่คิดว่าผู้ชายเป็นฝ่ายได้ ไม่เสีย นี่เป็นเพียงความเชื่อผิดๆ ที่สังคม “ปิตาธิปไตย” (ผู้ชายเป็นใหญ่) สร้างขึ้นเท่านั้น
……………..
ศีลธรรมเป็นเรื่องของการเคารพสิทธิคนอื่น ไม่ละเมิดสิทธิคนอื่น ทำเพื่อคนอื่นๆ เช่นต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย ปกป้องสิทธิมนุษยชน และความยุติธรรม ฯลฯ
การมีศีลธรรม ไม่ใช่เรื่องของการพล่ามคำว่า “ธรรมะ” แบบท่องจำตามคัมภีร์วันละ 24 ชั่วโมง อ้างความดี ความเป็นคนดี สมถะเรียบง่าย เข้าวัดปฏิบัติธรรม แผ่เมตตา แต่เชียร์เผด็จการที่ปล้นอำนาจ ละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน
……….. ศีลธรรมไม่ได้มีไว้อ้างเพื่อตัดสินว่าคนอื่นเลว หรืออ้างเพื่อทำร้ายคนอื่น!
