เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 16 บัญญติว่า “หัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิก และกรรมการบริหารอื่นของพรรคการเมืองต้องเป็นสมาชิกที่มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีและมีวาระการดำรงตำแหน่งตามที่กำหนดในข้อบังคับแต่ต้องไม่เกินคราวละสี่ปี”
แต่ในข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามสื่อมวลชน พบว่า นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2561 แต่ต่อมาวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 นายอุตตมฯ จึงได้สมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
นายเรืองไกร กล่าวว่า ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ข้อ 7 (3) ระบุว่า “ให้ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิก และกรรมการบริหารอื่นของพรรคการเมือง กรอกรายละเอียดในบัญชีรายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ตามแบบ พ.ก. 3 และหนังสือแสดงเจตจำนงเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง ตามแบบ พ.ก. 4”
เมื่อพิจารณาแบบ พ.ก. 3 และแบบ พ.ก. 4 จะพบข้อความที่ต้องยืนยันว่า ผู้ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง จะต้องลงลายมือชื่อรับรองว่า เป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 16 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ซึ่งควรแปลความได้ว่า ผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการจะต้องเป็นสมาชิกมาก่อนด้วย
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ข้อ 14 ก็ระบุข้อความว่า หัวหน้าพรรคการเมือง ต้องเป็นสมาชิกที่มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปี ซึ่งเป็นข้อความเช่นเดียวกับที่บัญญัติไว้ในมาตรา 16 ดังกล่าว
นายเรืองไกร กล่าวตามมาว่า ด้วยเหตุนี้ จึงมีประเด็นที่ต้องร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบว่า ในขณะที่ นายอุตตม เข้ารับเป็นหัวหน้าพรรค พปชร.นั้น นายอุตตมฯ มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 16 หรือไม่ โดยจะไปยื่นหนังสือร้องต่อ กกต. ในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ราชการอาคาร B