เลขาฯพปชร. ปลื้มภาคเหนือตอบรับดี แจงพูดไปไหนมีแต่ระเบิด แค่หวังเตือนใจ

เลขาธิการ พปชร. ย้ำปราศรัยบอกไปที่ไหนมีแต่ระเบิด แค่กระตุ้นเตือนแรงๆ แจงนายกฯในรายชื่อพรรค ต้องมี 2 จุดยืน มีความสามารถ-ปชช.ยอมรับ

เวลา 16.30 น. วันที่ 23 ธันวาคม ที่ยิมเนเซียม 2 สนามกีฬา 700 ปี จ.เชียงใหม่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเปิดเวทีปราศรัยพร้อมกัน 6 จังหวัดภาคเหนือว่า ได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชนโดยเฉพาะสมาชิกของพรรค และคิดว่า พปชร.จะเป็นอีกหนึ่งความหวังของประชาชน และในจังหวัดเชียงใหม่พี่น้องประชาชนตอบรับเป็นอย่างดีและเชื่อว่าประชาชนก็มองหาพรรคที่จะทำให้พวกเขาสามารถเดินไปข้างหน้าได้

เมื่อถามว่า ในการพูดปราศรัยที่เวทีเขตหนองจอกได้กล่าวว่า ไปที่ไหนก็มีแต่ระเบิดนั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เป็นการพูดเตือนใจ ซึ่งการทำการเมืองจากนี้ไปถ้าไม่เตือนกันให้ดีจะนำไปสู่สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดจึงหยิบเหตุการณ์ในอดีตมาเตือนทุกฝ่ายว่าเวลาจากนี้ไปคือการเปลี่ยนผ่านประเทศที่สำคัญ อยากให้เราดำเนินการทางการเมืองด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่นำไปสู่สิ่งนั้น ไม่ได้มีเจตนานำเหตุการณ์มาสร้างกระแสความแตกแยก และพรรค พปชร.เราจะตั้งพรรคขึ้นมาเพราะเรารู้ว่าต้องช่วยกันหาทางออกให้ประเทศไทย สิ่งที่พูดเมื่อวานเป็นการกระตุ้นแรงๆ เพื่อเตือนใจเท่านั้นเอง

เมื่อถามว่า มีการตีความว่าถ้าเลือกพรรค พปชร.แล้วจะไม่มีเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น นายสนธิรัตน์กล่าวว่า อย่างที่เรามาพรรคเกิดขึ้นเพราะมีการทะเลาะกันของสองขั้ว พรรคคืออีกคนที่เข้ามาเพื่อประสานความแตกแยกที่คุยกันไม่ได้ให้มีทางออก

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจได้อย่างไรว่าจะตีพื้นที่ของพรรคเพื่อไทยในภาคเหนือได้ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า เราจะทำงานให้หนักที่สุด เพื่อเสนอจุดยืนของพรรค เมื่ออาสาเข้ามาก็ต้องมั่นใจว่าจะมีสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือเปลี่ยนผ่านประเทศได้ เราจะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดโดยการตัดสินใจทั้งหมดเป็นหน้าที่ของประชาชนที่เราไม่สามารถตัดสินใจได้

เมื่อถามว่า เวทีที่ จ.สุโขทัย มีการสอบถามว่าต้องการให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี และมีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเห็นรายชื่อนั้นในพรรค พปชร. นายสนธิรัตน์กล่าวว่า พรรคจะเสนอใครเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องเป็นเสียงที่มาจากพี่น้องประชาชน ดังนั้นเป็นจุดเริ่มที่บางจังหวัดจะฟังเสียงพี่น้องประชาชน ซึ่งพรรคเปิดกว้างในรายชื่อนายกรัฐมนตรีที่จะนำเสนอ โดยมีจุดยืนแค่ 2 เรื่องคือ 1. ผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องมีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้ 2.ต้องมีศรัทธาและมีความเชื่อมั่นน่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับจากพี่น้องประชาชน ซึ่งใครที่มีคุณสมบัติ 2 อย่างนี้จะเป็นรายชื่อที่พรรคนำเสนอเข้าสู่คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าใครในพรรคจะมีอำนาจตัดสินใจจะต้องยึดโยงกับประชาชน โดยจะพิจารณาตามกรอบเวลาคาดว่าจะจะเสร็จสิ้นก่อนกลางเดือนมกราคม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image