สถานีคิดเลขที่12 : เลื่อนเลือกตั้งใครได้-ใครเสีย : โดย จำลอง ดอกปิก

ปฏิทินเลือกตั้งเคลื่อน

เดิมปักธง 24 กุมภาฯ ปรับใหม่ แนวโน้มความเป็นไปได้สูงยิ่ง คือวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม

โปรแกรมกาบัตรที่เลื่อนออกไป 1 เดือนนั้น

หัวข้อคำถามที่ใครต่อใคร อยากรู้คือ พรรคไหนได้เปรียบ เสียเปรียบ

Advertisement

วัดกันเฉพาะ 2 ขั้ว ที่ถูกยกเป็นคู่ชิงในศึกเลือกตั้ง ระหว่างพลังประชารัฐ กับเพื่อไทย

ทั้ง 2 ฝ่าย มีข้อได้เปรียบ และข้อเสียเปรียบคนละอย่าง ซึ่งเมื่อนำมาเทียบเคียง ในส่วนของความได้เปรียบนั้น ต่างมีน้ำหนัก มีผลต่อการเลือกตั้งทั้งสิ้น

แต่ละพรรคจึงมองข้ามข้อเสียเปรียบ นี่อาจเป็นเหตุผล

Advertisement

เหตุใด 2 พรรคนี้ถึงมั่นใจว่า จะกุมเสียงข้างมาก เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้

พรรคพลังประชารัฐ ก่อตั้ง กำเนิดมาจากศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดิน มีหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และผู้บริหารระดับสูงอีกหลายคนเป็นสมาชิกคณะรัฐมนตรี

อย่าว่าแต่ เรื่องที่ วิษณุ เครืองาม พูดไว้เลยว่า การเป็นรัฐบาลในช่วงเลือกตั้งนั้น

แค่อยู่เฉยๆ ก็ได้เปรียบ

รัฐบาล คสช.ที่มีอำนาจเต็ม มิใช่รัฐบาลรักษาการ มาตรการ นโยบายแก้ปัญหาต่างๆ ที่สามารถผลักได้ตามปกติคงมิพักต้องพูดถึงในประเด็นนี้อีกในเรื่องได้เปรียบเสียเปรียบ อำนาจที่คุมอยู่ มีอยู่นั้นอีกเล่า ก็เป็นข้อที่เหนือกว่า และมหาศาลการรวมศูนย์

แต่พลังประชารัฐก็ด้อยกว่าในเรื่องฐานคะแนนเสียง

พรรคเพื่อไทยได้ใจประชาชน มีคะแนนนิยม ครองพื้นที่กว้างขวาง ตัวเลข ส.ส.ในอดีตเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดี

ข้อด้อยที่เสียเปรียบอย่างมาก ถูกกลบลบด้วยข้อเด่น

เป็นข้อเด่นที่สำคัญด้วย เนื่องจาก การเลือกตั้งทั่วไปนั้น ประชาชนเป็นผู้ลงคะแนนตัดสินด้วยตัวเอง

แต่ปัญหาของเพื่อไทย มิใช่อยู่ที่กติกาไม่เอื้อทุกเรื่องอย่างเดียว

แต่คือจะทำอย่างไร ให้กระแสความนิยมในพรรคนั้นยังอยู่ในระดับสูง ที่พอเอาชนะเลือกตั้งได้ เนื่องจากร้างเลือกตั้ง ห่างบริหารมานาน

บุญเก่าอาจช่วยไม่ได้ เอาไม่อยู่ จากความพยายามงัดแพคเกจประชารัฐ รุกคืบยึดครองแทนที่นโยบายประชานิยม

ค่าเฉลี่ย ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของสำนักต่างๆ รวมถึงโพลหน่วยรัฐ และพรรคการเมืองทำเอง

ชี้ว่าถ้าเลือกตั้ง 24 กุมภาฯ คะแนนนิยม ‘เพื่อไทย’มาเป็นอันดับ 1

แต่โพลก็คือโพลในช่วงนั้นๆ และการเลือกตั้ง ก็มีปัจจัย ตัวแปรอื่นที่มีน้ำหนัก มีผลต่อการเลือกตั้งสูงอีกมากมาย โดยเฉพาะการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งแตกต่างจากการเลือกตั้งครั้งแรกหลังรัฐประหารก่อนหน้านี้อย่างมาก

เมื่อปฏิทินเลือกตั้งขยับจาก 24 กุมภาฯ เป็น 24 มีนาฯหลายฝ่ายมองว่า พลังประชารัฐได้เปรียบ เหนือกว่า
เพื่อไทย

นอกจากหัวข้อเดิมๆ ยังมีเรื่องทุนรอน มีเวลาบริหารเพิ่ม-เอื้ออีก 1 เดือน

แต่อีก 1 เดือน ที่จริงไม่น่ามีผลอะไร เนื่องจาก 4 ปีกว่าพิสูจน์ฝีมือบริหารมาแล้ว

30 วันที่เลื่อนเลือกตั้งออกไป จึงไม่มีข้อมูลใหม่ที่ชัดเจนว่า ใครได้เปรียบเสียเปรียบมากกว่าเดิม

ไม่ว่า 24 กุมภาฯ ไม่ว่า 24 มีนาฯ เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ตัดสินใจแล้ว

30 วันไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง พลิกผัน

การเมืองเขาไม่ได้เล่นแค่ไม่กี่วัน

การเลือกตั้งเป็นฤดูเก็บเกี่ยวดอกผลจากผลงาน ประกอบกับนโยบาย

ศึกนี้เพื่อไทย-พลังประชารัฐ ใครเจ๋งกว่ากัน

จำลอง ดอกปิก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image