•…“สำนักงานทะเบียนกรม กรมการปกครอง” มีหนังสือถึง “นายทะเบียนทั่วประเทศ” สั่ง “ชะลอการปฏิบัติตามแผนงานเตรียมการเลือกตั้งออกไปก่อน” จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ด้วยเหตุผล ได้รับการประสานจาก “กกต.” ว่า “พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ยังไม่ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา”
•…โลกแคบด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร ทันทีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ บอกไม่ได้ห้าม “ทักษิณ ชินวัตร” กลับประกาศ แต่ถ้ามาต้อง “เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย” ถ้าเป็นเมื่อก่อน “การตอบโต้คงไม่เกิดขึ้น” หรือ “ถ้ามีจะไม่ตาต่อตาฟันต่อฟัน” แต่ชั่วโมงนี้ที่ “โซเชียลมีเดีย” เชื่อมต่อถึงกันแบบ เรียลไทม์ “ยังไม่ทันสิ้น
เสียงบิ๊กป้อม เสียงเย้ยหยันจากแดนไกลตอบโต้มาทันที” ในมุมที่ “บาดหัวใจแปล๊บ”
•…เมื่อ “มีประกาศปลดล็อกพรรคการเมือง” เปิดทางให้เคลื่อนไหวพบปะประชาชนไปเรียบร้อย ความเคลื่อนไหวในนาม “การหาเสียงเลือกตั้ง” ก็เริ่มต้น ไม่ใช่แค่ “ประดาบก็เลือดเดือด” แต่เป็น “เลือดสาดตั้งแต่ดาบยังไม่ได้ออกจากฝัก” การเสนอประเด็น “เลือกเพื่อไล่เผด็จการ” ร้อนแรงและชัดเจนในทุกเวที แบบไม่มีอ้อมค้อม “ใช้เวทีหาเสียง ปลุกให้ประชาชนตื่นตัวในประชาธิปไตย” โดยไม่อินังขังขอบกับ “วันเลือกตั้ง”
•…สารพัดชะตากรรมของประเทศ แนวโน้มที่เลวร้ายในทุกด้าน ที่ยกเอา “ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย” มาเป็นเหตุ ร่ายกันละเอียดยิบ ด้วยลีลาปราศรัยที่ “สร้างอารมณ์ร่วมได้ไม่ยาก” ที่สำคัญกว่านั้นคือ “การสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย” กระจายไปทั่วประเทศ ทุกครั้งที่เปิดเวที เป็นการ “เปิดเกมรุกทางการเมือง” ที่ “หมดหนทางจะตั้งรับ” เพราะแม้ “ฝ่ายที่มีอำนาจ” จะทำก็ได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ “เทียบกันตัวต่อตัว” แล้ว “ลีลาและฝีปาก” ห่างกันคนละชั้น
•…และนี่เองที่ทำให้หลายคนชี้ให้เห็นว่า “ยิ่งเลื่อนเลือกตั้งไปนานเท่าไร ยิ่งเสี่ยงต่อการถูกไล่ขยี้จนไม่เหลือซากมากเท่านั้น” แต่จะทำอย่างไรได้ “การแสดงออกทางการเมืองเป็นเสรีภาพ” เมื่อ “ปลดล็อก” แล้ว จะออกคำสั่งห้ามใหม่ ย่อมดู “ดันทุรังเกินไป” ยากจะทำให้เกิดการยอมรับ ก่อสภาวะ “เดินหน้าไม่ได้ ถอยหลังไม่ถูก” เปิดเวทีให้ถูกขยี้ด้วย “สื่อที่ไม่ต้องลงทุน”
•…ในนามของ “ประธาน” เมื่อ “พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ” ประกาศขอนำ “ป.ป.ช.” ยืนอยู่ใน “หลักการไม่เป็นเครื่องมือของฝ่ายใด” โดยจะ “ปฏิบัติกิจด้วยความระมัดระวัง” นั้น ย่อมเป็นคำที่ “สะท้อนถึงความรู้ผิดชอบชั่วดี” และบอกกล่าวว่า “ตั้งใจว่าจะเดินไปในทางดี” เพียงแต่บอกแล้ว “คนฟังที่สำคัญ” คือ “ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ” จะเชื่อตามที่บอกหรือไม่ เพราะแม้จะ “รู้ตัวเอง” อยู่ว่า “ซ้ายก็โดน ขวาก็โดน” แต่จะคลี่คลายความน่าเชื่อถือได้ ต้องรู้ต่อไปว่า “เพราะอะไรถึงโดน”
•…ทั้งที่ “กติกา มารยาท” ไม่มีส่วนไหนให้ความหวังได้เลยว่า “ประชาธิปไตยไทยจะเอื้อต่ออำนาจประชาชน เหมือนที่สากลโลกเขาเป็นกัน” แต่ “เลือกตั้งก็เป็นช่องทางเดียวให้นักประชาธิปไตยพอใช้หายใจได้” ดังนั้น ความกังวลของ “คนกลุ่มนี้” ที่ว่า “เลื่อนเท่ากับไม่มีเลือก” จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ ด้วยที่ผ่านมา ล้วนแล้วแต่ “หวังอะไรไม่ได้” ยิ่งแนวโน้มยิ่งชัดว่า “เลือกตั้ง” จะตอกย้ำ “เสียของ” ใครเป็น “นักประชาธิปไตย” ก็ต้องวิตก
ชโลทร
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่