“ธนาธร-พล.ท.พงศกร” ลุยนครศรีธรรมราช นำ น.ร.เทคนิค-สมาชิก ช่วยผู้ประสบภัย อาสาสมัครเสนอกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นฝึกพร้อมรับภัยพิบัติ
เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค นายพิจารณ์ เชาวพัฒนพงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยเครือข่ายพรรคอนาคตใหม่จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงพบปะพูดคุยและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุปาบึก โดยมีนักเรียนวิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช มาร่วมเป็นอาสาสมัคร ทั้งนี้ ร่วมมอบสิ่งของ ได้แก่น้ำมันเครื่อง หัวเทียน และน้ำดื่ม ที่ได้รับการประสานมาจากภาคเอกชน ให้แก่อาสาสมัครเพื่อไปให้ความช่วยเหลือต่อไป
นายธนาธรกล่าวว่า วันนี้ตนและพรรคอนาคตใหม่ ได้มาฟังปัญหาผลกระทบของชาวบ้าน ซึ่งแม้จะไม่รุนแรงเท่าภัยพิบัติอื่นๆ ที่ผ่านมาในอดีต แต่ก็สร้างความเสียหายกับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะต่อบ้านเรือน สิ่งก่อสร้าง และเครื่องมือทำมาหากิน ซึ่งวันนี้เราขอมาเป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาเท่าที่สามารถทำได้ ที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ เรามองเห็นถึงแง่มุมที่เป็นศักยภาพของชุมชน ที่ต้องการฟื้นฟูตนเอง และยืนอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี สิ่งที่เราเห็นคือ ชุมชนมีกำลังคนและความรู้ความเข้าใจในพื้นที่ รู้ว่าจะต้องแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูอย่างไร ปัญหาคือชุมชนขาดทรัพยากรและอำนาจที่จำเป็น เมื่อมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ก็ต้องวิ่งเข้าที่ส่วนกลางก่อน ทำให้บ่อยครั้งเกิดความล่าช้าและแก้ปัญหาแบบไม่ตรงจุด
“ดังนั้น วันนี้นอกจากการมาช่วยเหลือด้านทรัพยากร สิ่งของเครื่องใช้แล้ว เรายังเน้นไปที่การช่วยเหลือต่ออาสาสมัคร โดยเฉพาะในส่วนของน้องๆ วิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช ที่ได้มาร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือชุมชนและท้องถิ่น กำลังอาสาสมัครของชุมชนคือกำลังคนที่สำคัญที่สุดในการฟื้นฟูระยะยาว คือกลุ่มคนที่รู้ดีที่สุด ว่าความต้องการอยู่ที่ไหน อย่างไร ไม่มีใครจะรู้ถึงวิธีการและลำดับขั้นความจำเป็นในการฟื้นฟูชุมชนจากภัยพิบัติได้ดีเท่ากับท้องถิ่นเองอีกแล้ว” นายธนาธรกล่าว
ด้าน พล.ท.พงศกร นำทีมงานพรรคพบปะพูดคุย และช่วยเหลือต่อชาวประมง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด เครื่องมือเครื่องใช้ทำมาหากินและบ้านเรือนได้รับความเสียหาย ซึ่งทางพรรคได้ประสานความช่วยเหลือกับภาคเอกชน ในการช่วยกันจัดส่งสิ่งของที่จำเป็นและเครื่องมือต่างๆ โดย
พล.ท.พงศกรกล่าวว่า สิ่งที่ควรเกิดขึ้นในระยะยาว คือการให้ชุมชนสามารถจัดการตนเองได้ด้วยทรัพยากรที่เพียงพอ และนั่นเป็นสิ่งที่เราต้องสร้างให้เกิดขึ้น ให้การกระจายทรัพยากรและอำนาจออกจากศูนย์กลาง ให้ชุมชนเข้มแข็งพอที่จะป้องกันและแก้ไขปัญหาหลังภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับลักษณะเฉพาะของท้องถิ่นแต่ละแห่ง อย่างในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ให้ท้องถิ่นมีอำนาจจัดการ ทำให้รวดเร็วทันการณ์ ตอบสนองความต้องการในพื้นที่ได้ตรงจุด มีการอบรมรับมือภัยพิบัติทั้งในโรงเรียนและในชุมชนโดยท้องถิ่น ซึ่งเราสามารถเอามาปรับใช้กับการรับมือภัยพิบัติในอนาคตของไทยได้ ให้ท้องถิ่นมีความแข็งแรงพอที่จะรับมือกับภัยพิบัติได้ ย่อมมีประสิทธิภาพ มากกว่าการเอากำลังจากส่วนกลางไปช่วย