แม้การปล่อยวลี “ยุติธรรมแบบป้อม ป้อม” อันมาจากการทวีตผ่าน ทวิตเตอร์โดย นายทักษิณ ชินวัตร จะมากด้วยความละเอียดอ่อนต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างเป็นพิเศษ
กระนั้น ความอ่อนไหวที่มากกว่ายังอยู่กับจังหวะก้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
กับการเป็นประธานท่าเรือใหญ่ที่ซัวเถา ประเทศจีน
ไม่อย่างนั้นกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงไม่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คบ่งบอกนัยยะอันลึกซึ้งในทางการเมือง
เพราะเท่ากับหน่วยพรรคคอมมิวนิสต์จีน สาขาซัวเถา ให้การ ยอมรับต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างเป็นระบบ
เรื่องนี้จึงอ่อนไหวอย่างยิ่งต่อ “คสช.”
จากกรณีตำแหน่งประธานท่าเรือเมืองซัวเถาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นสายสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 พี่น้องตระกูล”ชินวัตร” กับ”จีน”
หากแต่ยังสะท้อนให้เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือหนังสือเดินทางประเทศใดอย่างเด่นชัดมากยิ่งขึ้น
จากการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยื่นเรื่องเปิดบริษัททีฮ่องกงปรากฏว่าต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ใช้หนังสือเดินทางกัมพู ชาในการลงทะเบียนเป็นผู้อำนวยการเพียงคนเดียวเมื่อเดือนสิงหาคม 2561
และในเดือนมกราคม 2562 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานสถานีขนส่งตู้คอนเทนเนอร์นานาชาติ ซัวเถา ประเทศจีน
เหล่านี้จึงไม่เพียงแต่สะท้อนนัยยะแห่งความสัมพันธ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อประเทศจีน หากแต่ยังเป็นความสัมพันธ์ต่อประเทศกัมพูชาอีกด้วย
ภาพแห่งการเดินทางเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ของ น.ส.ยิ่ง ลักษณ์ ชินวัตร กระทั่งถึงดูไบ ลอนดอน จึงเด่นชัด
อย่าได้แปลกใจหากจะบังเกิดความหงุดหงิดปรากฏออกมา ไม่ว่า จะจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
กรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงกลายเป็นประเด็นร้อน
ของการเมือง”ไทย” และการเมือง”โลก”
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra
