จับตาเปลี่ยนแผน…ดัน “บิ๊กตู่” เป็น “นายกฯคนนอก”

แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าจะเลือกตั้งวันไหน แต่ทุกพรรคก็ออกสตาร์ทเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.และแพลมนโยบายหาเสียงกันแล้ว

อีกปัจจัยที่จะดึงคะแนนหรือเสียคะแนน ให้พรรคนั่นคือบัญชีรายชื่อที่พรรคจะเสนอเป็นนายกฯ ไม่เกิน 3 รายชื่อ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 88 ที่ให้พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแจ้งรายชื่อบุคคลที่จะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกฯ ไม่เกิน 3 รายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง หรือพรรคจะไม่เสนอรายชื่อบุคคลเป็นนายกฯก็ได้

ชื่อที่ถูกจับตามากสุดหนีไม่พ้น “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ประกาศก่อนหน้านี้แล้วว่าจะเสนอชื่อ “บิ๊กตู่” เป็นอันดับ 1

เป็นแผน A ที่จะดัน “บิ๊กตู่” นั่งเป็นนายกฯอีกรอบ

Advertisement

แต่ “บิ๊กตู่” ยังไม่ประกาศชัดเจนว่ายินยอมให้มีชื่อในบัญชีชิงนายกฯของ “พปชร. หรือไม่ ล่าสุดที่ไป

ครม.สัญจรที่เชียงใหม่ ที่มีกองเชียร์มาตะโกน “ลุงตู่สู้ๆ ” เมื่อนักข่าวถามว่าจะตัดสินใจเป็นนายกฯต่อเลยหรือไม่ “บิ๊กตู่” ตอบสั้นๆ ว่า “ไปดูกฎหมายซิ”

ทั้งนี้ หากเดินตามแผน A จะทำให้ “บิ๊กตู่” กลายเป็นเป้าใหญ่ ถูกรุมถล่มหนักกว่าเดิม และกระแสเรียกร้องให้ลาออกจากนายกฯจะแรงขึ้น

Advertisement

ขณะเดียวกัน การทำงานในตำแหน่งนายกฯก็จะยากลำบากมากขึ้น เพราะมีเงื่อนไขทางกฎหมายที่ห้ามหาเสียงและอื่นๆ ที่เสี่ยงจะผิดพลาดถูกฟ้องร้อง และอาจติดคุกได้

จึงมีกระแสข่าวว่า อาจเปลี่ยนไปใช้แผน B ที่ไม่มีชื่อ “บิ๊กตู่” ในบัญชีเสนอชิงนายกฯ ของ “พปชร.” แต่รอเป็น “นายกฯคนนอก” ตามบทเฉพาะกาล รัฐธรรมนูญ ในมาตรา 272 ที่มีบทบัญญัติยกเว้นเรื่องการให้ความเห็นชอบบุคคลเป็นนายกฯ ตามมาตรา 159

มาตรา 159 ระบุว่า “ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
การเสนอชื่อตามวรรคหนึ่งต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

มติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องกระทําโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย และมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร”
ขณะที่มาตรา 272 ระบุว่า ” ในระหว่างห้าปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้ดําเนินการตามมาตรา 159 เว้นแต่การพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 วรรคหนึ่ง ให้กระทําในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และมติที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 วรรคสาม ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา

ในระหว่างเวลาตามวรรคหนึ่ง หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุใด และสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจํานวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ในกรณีเช่นนั้น ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน

และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาให้ยกเว้นได้ ให้ดําเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 หรือไม่ก็ได้”

นั่นหมายความว่า นายกฯคนใหม่ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องมีเสียงสนับสนุน 376 เสียงขึ้นไป (เกินกว่ากึ่งหนึ่งของ 750 เสียง จากสภาผู้แทนราษฎร 500 คน และวุฒิสภา 250 คน)

ขณะที่ฝ่ายหนุน “บิ๊กตู่ ” มีเสียงตุนไว้แล้ว 250 เสียงจากส.ว. แล้วรอดูว่า “พปชร.” และพรรคพันธมิตร จะได้ส.ส.กี่เก้าอี้ เพื่อคิดใคร่ครวญอีกครั้งว่าจะถอยฉาก วางมือ หรือจะลงสู่การเมืองด้วยการเป็น “นายกฯคนนอก” ต่อ

อย่างไรก็ตาม”พปชร.” และพันธมิตร ต้องไม่เพียงได้ส.ส.แค่ 126 เสียง เพื่อดัน “บิ๊กตู่” เป็น “นายกฯคนนอก” ได้เท่านั้น แต่ต้องให้เกิน 250 เสียงให้มากที่สุด เพราะการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ และร่างพ.ร.บ.งบประมาณ จะใช้เสียงจากสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น

แต่ปัญหานี้ ค่อยไปแก้เกมกันข้างหน้าได้ โดยปลุกตำนาน “งูเห่า” ดึงเสียงเข้ามาหนุนได้ไม่ยากนัก
ดังนั้น ตอนนี้ “บิ๊กตู่” ขอทำหน้าที่นายกฯต่อด้วยความสบายใจก่อน แล้วรอเทียบเชิญเป็น “นายกฯคนนอก” ดีกว่า …จะไปมีชื่อในบัญชีชิงนายกฯ ให้ถูกถล่มหนักกว่าเดิม และเสี่ยงติดคุกทำไม
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น อยู่ที่ “บิ๊กตู่” ว่าจะจัดสินใจอย่างไรกับอนาคตของตัวเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image