ที่เห็นและเป็นไป : เกมที่เปลี่ยนไป : โดย สุชาติ ศรีสุวรรณ

ทันทีที่เปิดให้หาเสียงเลือกตั้งได้ “พรรคเพื่อไทย” ก็พลิกเกมมาเล่นในบทของ “ฝ่ายรุก” ไม่ว่าจะเป็น “การเปิดเวทีปราศรัยทั่วประเทศ” พร้อมรถกระจายเสียงที่แห่แหนไปทั่วทุกถนนแบบปูพรม โดยเนื้อหาพุ่งเป้าไปที่การชี้นำให้ประชาชนเลือกระหว่าง “รัฐบาลประชาธิปไตยที่ยืนอยู่เพื่ออำนาจประชาชน” กับ “รัฐบาลที่เป็นเครื่องมือให้เผด็จการ”

พร้อมกับการนำความเดือดร้อนของประชาชนในสาขาอาชีพต่างๆ ขึ้นมาเปิดให้รับรู้กันบนเวที และรำลึกถึงผลงานที่ยังอยู่ในใจประชาชน

เป็นการเปิดเกมรุกอย่างรวดเร็ว

จนแทบจะเรียกได้ว่าคู่ต่อสู้แทบจะเตรียมตัวตั้งรับไม่ทัน

Advertisement

ก่อนหน้านี้ พรรคการเมือง ไม่เฉพาะพรรคเพื่อไทย แต่เป็นทุกพรรคที่ยืนอยู่ คนละข้างกับผู้มีอำนาจ ต่างรู้ตัวเองว่าตกอยู่ในสภาพถูกรุก ชนิดโงหัวขึ้นมาสู้ลำบาก

ไม่ว่าจะเป็นกติกาที่เจตนาร่างขึ้นมาเพื่อความได้เปรียบทุกประตู ไม่ว่าจะเป็นอำนาจเต็มที่พร้อมจะใช้เมื่อไรก็ได้ อีกทั้งอำนาจรัฐทั้งหลายที่รู้ๆ กันอยู่ว่าพร้อมจะขับเคลื่อนเพื่อภารกิจตามคำสั่งอย่างไม่ต้องมีคำถามอื่น

การเลือกตั้งด้วยสภาวะอย่างนี้จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายประเมินออกมาในทางเดียวกันว่า พรรคฝ่ายประชาธิปไตย ไม่มีทางที่จะขึ้นยืนบนแท่นสุดท้ายของผู้ชนะได้

Advertisement

ซึ่งย่อมเป็นการประเมินที่ยืนอยู่กับข้อเท็จจริงและแนวโน้มความเป็นไปอย่างมีเหตุผลให้เชื่อ

แต่แล้ว แค่เริ่มเปิดโอกาสให้หาเสียงเลือกตั้ง สถานการณ์รุก-รับกลับพลิกความคาดหมาย

“เพื่อไทย” พลิกขึ้นมาเป็นฝ่ายรุกได้อย่างรวดเร็ว

พร้อมกับ “พรรคพันธมิตรทั้งหลาย” ที่เคลื่อนไหวกันคล่องตัวขึ้น

และเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” โดดลงเวทีด้วย “ประกาศจัดรายการผ่านสื่อออนไลน์ทุกวันจันทร์” โดยเนื้อหาที่นำเสนอพัฒนาการของโลก และโอกาสของประเทศไทย

ก็ยิ่งไปกันใหญ่

การเปรียบเทียบเนื้อหาที่ “ทักษิณ” นำเสนอในเช้าวันจันทร์ กับที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ใช้เวลาเย็นวันศุกร์เพื่อสื่อถึงประชาชน ย่อมทำให้ “ฝ่ายรุก” และ “ฝ่ายรับ” เห็นได้ชัดเจนขึ้น

ทั้ง “เสียงจากรถแห่หาเสียง-เสียงจากเวทีปราศรัยที่กระจายไปทั่วประเทศ และเสียงจากรายการของทักษิณ ชินวัตร” หากคู่ต่อสู้ยังไม่พลิกเกมไปให้พ้นจากการ “สู้กันด้วยคำพูด” สู้กันด้วย “สารที่นำเสนอต่อประชาชน”

ย่อมประเมินได้ไม่ยากว่า ฝ่ายรุกจะทรงพลังทำให้ฝ่ายตั้งรับถอยร่นไปได้อีกมากมายขนาดไหน

เพียงแต่ว่า การเปลี่ยนเกมเพื่อพลิกมาเป็นฝ่ายรุกในช่วงเวลาต่อไปนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกแล้ว

เพราะ “การใช้อำนาจมาเป็นตัวกำหนด ใช้กำลังมาเป็นตัวบังคับ” เกม ย่อมมีอุปสรรคมากมาย ต่างกับช่วงก่อนหน้านั้น

หนทางเดียวที่จะพลิกเกมได้ คือ “สร้างผลงานให้ประทับใจ”

ทว่าเวลาที่เหลืออยู่และสถานการณ์ สภาวการณ์รอบด้าน แทบจะทุกเรื่อง ดูเหมือนไม่มีอะไรที่เอื้ออำนวยให้เลย

อย่าว่าแต่เรื่องอื่นๆ เลย

แม้กระทั่ง “อากาศ” ก็ยังดูเหมือนจะไม่เป็นใจให้

สุชาติ ศรีสุวรรณ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image