แม้ “วันเลือกตั้ง” จะยังไม่ชัดเจน แต่ปี่กลองการเมืองเริ่มแล้ว ที่นับวันยิ่งเรียกแขกสร้างความคึกคักให้ประชาชนทั่วประเทศตื่นตัวในการเลือกรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ
เพราะการเลือกตั้งเที่ยวนี้มีความชัดเจนว่าเป็นการต่อสู้ระหว่าง “ฝ่ายสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ” กับ “ฝ่ายที่ต้องการนำอำนาจกลับคืนสู่ประชาชน”
แม้จะมีพรรคการเมืองและนักการเมืองจำนวนหนึ่งที่ยังยืนหยัดกับการเดินสายกลาง คือความชัดเจนอยู่ที่พร้อมจะร่วมรัฐบาลไม่ว่าจะฝ่ายไหน แต่ไม่มีความชัดเจนในแนวทางเอาหรือไม่เอาเผด็จการ แต่พรรคจำพวกนี้ก็เป็นแค่เครื่องประดับหรือตัวประกอบทางการเมือง การหาเสียงมีแต่ดูเหมือนไม่จำเป็นต้องจริงจังอะไรนัก แค่เคลื่อนพอให้รู้ว่ายังมีพรรคแบบนี้อยู่ หวังคะแนนจากตัวผู้สมัครมากกว่าแนวนโยบายของพรรค
เพราะการเมืองเคลื่อนไปแบบนี้ คู่ต่อสู้หลักจึงเป็น “เพื่อไทย” มีทางเลือกหนึ่งเดียวคือ “ยืนอยู่ข้างอำนาจประชาชน” กับ “พลังประชารัฐ” ที่ประกาศหนักแน่นไปแล้วว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำประเทศต่อไป ภายใต้โครงสร้างการบริหารประเทศนโยบายที่ชัดเจนว่า เป็น “พรรคของรัฐบาลชุดนี้”
เพราะต้องมายืนในฐานะคู่ต่อสู้หลักของผู้มีอำนาจปัจจุบัน การวาง “ยุทธศาสตร์” จึงต้องเข้มข้นและลงในรายละเอียด ชนิดหวังผล
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้รับแต่งตั้งเป็น “ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง” ครั้งนี้
นั่นหมายถึงการมีหน้าที่ต้องเป็นผู้นำในการวางแผนเพื่อเอาชนะคู่แข่งในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการจัดขบวนทัพออกปราศรัย การเดินสายพบปะประชาชน การวางจังหวะประกาศนโยบายการบริหารด้านต่างๆ และอื่นๆ ทุกเรื่อง
นั่นเป็นเรื่องที่คงจะค่อยๆ เห็นกัน
แต่ผลงานหนึ่งที่สร้างความฮือฮาและเป็นการจุดกระแสได้ค่อนข้างแรงตอนนี้คือ
มอตโต้ “อยู่กับเรากระเป๋าตุง อยู่กับลุงกระเป๋าแฟบ”
แม้ไม่ต้องเอ่ยว่าเป็นเรื่องอะไร และ “ลุง” หมายถึงใคร
ทว่านั่นเป็นเรื่องที่หลายคน “ยกนิ้ว” ให้ว่าเป็นการคิด “ถ้อยความ” ที่ยอดเยี่ยมลงตัว
อย่างที่เรียกกันว่า “รู้เขา รู้เรา”
เพราะหากมองกันในรายละเอียดของที่มา “ถ้อยความ” นี้
“รัฐบาล” ที่รู้กันอยู่ว่าเป็น “เจ้าของพรรคคู่แข่ง” เป็นที่รับรู้กันว่าจุดอ่อนอยู่ที่ “การบริหารเศรษฐกิจ การดูแลปัญหาปากท้องของประชาชน”
หากย้อนไปผลสำรวจของทุกสำนักโพลยืนยันได้ในเรื่องนี้ เสียงโอดโอยเรื่องการทำมาหากินที่ลำบากยากเข็ญขึ้นเรื่อยๆ มีให้ได้ยินอยู่ทุกครั้ง
ขณะที่ “จุดแข็ง” ของ “พรรคเพื่อไทย” ที่ลอกคราบมาจาก “พรรคพลังประชาชน” จาก“ไทยรักไทย” คือการสร้างผลงานด้านการแก้ปัญหาความเดือดร้อนในเรื่องรายได้ของประชาชนอย่างได้ผล ได้รับการยอมรับ และอยู่ในความทรงจำ
“อยู่กับเรากระเป๋าตุง” เป็นการตอกย้ำให้รำลึกถึงผลงานที่ประสบความสำเร็จในอดีตของฝ่ายตัว
“อยู่กับลุงกระเป๋าแฟบ” คือการโฟกัสไปที่ “จุดด้อย” ของคู่แข่งซึ่งประชาชนสัมผัสได้
การโหมโรงด้วยมอตโต้นี้ ในทุกเวทีปราศรัย แล้วตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำให้ “การปราศรัย” ของ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สร้างผลสะเทือนแบบตีแสกหน้าคู่ต่อสู้
เป็นการเริ่มต้นงานยุทธศาสตร์ที่ต้องถือว่าประสบความสำเร็จ
แม้เกมการต่อสู้จะยังอยู่อีกหลายยก แต่เมื่อเปิดเวทีด้วยหมัดเด็ดเข้ากระโดงคาง ทำให้คู่ต่อสู้ที่น่าจะอยู่ในฐานะได้เปรียบเพราะเป็นผู้กำหนดกติกา กลับต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับ
ด้วยเหตุนี้ ในยกข้างหน้าจึงเป็นที่จับตากันว่า “ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย” จะออกอาวุธอะไร
การ์ตอง
