ภท.แจง นโยบาย”ปลูกกัญชาเสรี” เชื่อเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีประโยชน์ สร้างรายได้สูงช่วยพลิกชีวิตเกษตรกร
เมื่อวันที่ 20 มกราคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคเตรียมชูนโยบาย “ปลูกกัญชาเสรี” ว่า ทางพรรคมองว่ากัญชาจะเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศไทยที่มีประโยชน์ สามารถแปรรูปมาเป็นยารักษาโรคได้ ประกอบกับประเทศไทยมีความพร้อมในสภาพภูมิศาสตร์ธรรมชาติ เชื่อว่าจะช่วยทำให้พืชตัวนี้ได้คุณภาพและปริมาณที่ดีมาก เราดูต้นแบบจากประเทศที่ประสบความสำเร็จ คือ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งหากเรานำผลสำเร็จจากรัฐแคลิฟอร์เนียมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทย โดยดูในสิ่งที่เขาทำว่าเกิดประโยชน์อย่างไรบ้างก็เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศเรา ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือการปลูกกัญชาเสรี ที่พรรคภูมิใจไทยนำเสนอนั้น คือเราต้องการเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนทุกคนทุกครอบครัว สามารถปลูกกัญชาได้ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าทำได้จริงมันจะเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถพลิกชีวิตได้ ถ้าเราสามารถทำให้เป็นเหมือนแคลิฟอร์เนียได้ ประเมินว่า กัญชา 1 ต้น ให้ผลผลิตประมาณ 1 กิโลกรัมต่อปี หากปลูกได้ 6 ต้น เท่ากับได้ 6 กิโลกรัม ซึ่งตอนนี้กิโลกรัมละ 70,000 บาท ปลูก 6 ต้นเท่ากับจะมีรายได้ 420,000 บาท เป็นมูลค่าที่สูงมากช่วยสร้างรายได้ให้ พี่น้องเกษตรกรชาวไทยได้อย่างดี แม้จะมีคำถามว่าหากปลูกกันเป็นจำนวนมากแล้ว ตัวเลขมูลค่าอาจไม่ใช่ 70,000 บาท ตนก็มองว่ามีความเป็นไปได้ แต่ก็ยังมองว่าถึงอย่างไรก็น่าจะมีราคาสูงกว่าพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ซึ่งเป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์จากศักยภาพของกัญชา
” สิ่งที่น่าห่วงคือเรื่องของการจดสิทธิบัตร ผมกลัวว่าจะเหมือนกับเรื่องข้าวหอมมะลิ ซึ่งเราเสียโอกาสในเรื่องนี้มาแล้วที่ต่างชาตินำพันธุ์ข้าวของเราไปจดสิทธิบัตร เมื่อมันเป็นของเรา รัฐก็ควรจะจดสิทธิบัตรแล้วให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งมันจะเป็นผลดีต่อประเทศอย่างมาก ศักยภาพกัญชาสามารถแปรรูปเป็นยารักษาโรค สามารถเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ ถ้าหากเราไม่ทำเรื่องนี้ให้เป็นของประเทศไทยเป็นของประชาชน เราก็จะต้องไปซื้อ ไปจ่ายในสิ่งที่ไม่ควรต้องจ่าย วันนี้ทั่วโลกเขาทำกันหมดแล้ว เรามีของดีมากมาย แต่เรามักจะเดินตามหลังคนอื่น ต้องไปซื้อเขาทั้งๆที่ต้นทางมันอยู่ที่เรา วันนี้สิ่งที่พรรคเห็นคือกฎหมายที่สนช.ออกมันยังไม่สมบูรณ์ พรรคก็เลยนำเสนอ”แคลิฟอร์เนียโมเดล” ที่ทำให้เห็นว่าไม่มีปัญหา ถ้าเรานำมาปรับใช้กับประเทศไทย มันก็จะเกิดประโยชน์ ” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าว
