วันนี้ (26 มกราคม 62) เมื่อเวลา 19.30 น. ที่ตลาดไนท์บาซาร์ เขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พล.ท.อัศวิน รัชฏานนท์ รองหัวหน้าพรรคนายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล นายศยุน ชัยปัญญา รองเลขาธิการพรรค พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ตลาดไนท์บาซาร์ เพื่อแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคไทยศรีวิไลย์ เขต 1 พร้อมพบปะและรับฟังปัญหาของพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนชาวจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งส่วนใหญ่สะท้อนปัญหาปากท้อง สภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยมานานหลายปี รวมถึงปัญหาเรื่องการทุจริตในพื้นที่ โดยพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนที่อยู่ภายในตลาด ได้มาขอถ่ายภาพนายณัชพล หรือ มาร์ค พิทบูล เพื่อเป็นที่ระลึกจำนวนมาก จากนั้น นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารนนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ยืนใช้โทรโข่ง ปราศรัยบอกกล่าวนโยบายของพรรคให้ประชาชนได้รับทราบ
โดยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคไทยศรีวิไลย์จังหวัดมหาสารคาม ทั้ง เขต ประกอบด้วย นายพิพัฒนพร ผ่องอำไพโชค เขต 2 นายวรัญชัย โชคชนะ เขต 3 นายบุญญาบารมีภณ ชินราช เขต 4 นายสงกรานต์ จันทะปัสสะ และเขต 5 นายธนพล ซามาตย์
นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล กล่าวว่า จังหวัดมหาสารคามถือเป็นจังหวัดแรกในภาคอีสาน ที่มาลงพื้นที่ตั้งแต่หลังปีใหม่ ที่ผ่านมาไปมาแล้วกว่า 30 จังหวัด ซึ่งทุกพื้นที่นั้นสำคัญเหมือนกันหมด ซึ่งอยากจะลงทุกพื้นที่ อยากใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชน นโยบายของพรรคสรุปมาง่าย ๆ คือ เรื่องปราบโกง การปราบโกงคือปัญหาหลักของประเทศทำให้ประเทศเราไม่เจริญ เพราะว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นตั้งแต่การเข้าโรงเรียนอนุบาล มันคือมะเร็งร้ายที่กัดกินประเทศเรา หลังจากที่เราปราบโกงได้เราจะปฏิรูปข้าราชการ เพราะถือว่าปัจจุบันถ้าเทียบกับประเทศที่ตนเคยใช้ชีวิตอยู่ข้าราชการไทยบางครั้งมองประชาชนอยู่ต่ำกว่า ทำตัวเป็นนายประชาชนแต่ความจริงข้าราชการคือคนมีหน้าที่ดูแลประชาชน
อีกเรื่องหนึ่งคือการสร้างงานสร้างอาชีพ เพราะสิ่งนี้คือหัวใจในการขับเคลื่อนประเทศ นโยบายรัฐบาลที่ผ่านมา คือการเอาอัดเม็ดเงินลงไป ไม่ใช่เพื่อการสร้างงาน แต่เป็นการพยุงราคาสินค้า พยุงราคาภาคการเกษตร แต่รัฐบาลไม่รู้จักวิธีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า เราต้องนำวัตถุดิบที่มีอยู่มาพัฒนามาสร้างงานไม่ต้องเป็นลูกนกที่จะต้องมานั่งรอการช่วยเหลือเมื่อประชาชนมีอาชีพมีรายได้มีกำลังซื้อเก็บภาษีได้
ต่อมาต้องคืนความเป็นธรรมให้สังคม สังคมต้องมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ที่ตอนนี้บ้านเรามีปัญหาคนจนมาตรฐานหนึ่ง คนรวยก็อีกหนึ่งมาตรฐาน ลองสังเกตดูว่าคนจนหลายคนที่ต้องติดคุกเพราะไม่มีเงินสู้คดี ไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้เพียงเพราะเขาถูกกล่าวหา ความน่ากลัวของระบบกล่าวหาในประเทศนี้คือ หากใครก็แล้วแต่ที่ตกเป็นผู้ต้องหาถูกจับกุมตัว เข้าห้องขังถ้าไม่มีเงินก็ไม่มีการออกมาสูญสิ้นอิสรภาพ เขาไม่มีโอกาสที่จะได้ต่อสู้เพราะไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้
เรื่องต่อมาคือ ต้องเร่งปฏิรูปการศึกษา วันนี้เด็กไทยเรียนเพื่อได้กระดาษ เรียนเพื่อเอาเกรดแข่งกันเข้ามหาวิทยาลัยดัง แต่ทำไมเราไม่เรียนเพื่อรู้ บัณฑิตบางคนจบปริญญาตรีแต่ได้ทำงานความรู้ในระดับ ปวช. หรือ ม. 6 สังคมไทยมีบัณฑิตเยอะมากในแต่ละปี แต่หากเปรียบเทียบคุณภาพของบัณฑิตกับประเทศเพื่อนบ้านเราสู้เขาไม่ได้ ต้องเร่งปฏิรูปการศึกษาให้เด็กเรียนเรียนเพื่อรู้ไม่ใช่ให้เด็กเรียนเพื่อแข่งขันและได้กระดาษมาเพียง 1 ใบ
และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาชาติ คือ พวกพ่อค้ายา ฆ่าข่มขืน ต้องประหาร กฎหมายเราไม่มีความรุนแรงจึงไม่มีความเกรงกลัว บางคนขนยามาเป็น 10-20 ล้านเม็ด ติดคุกไม่นานก็ออกมา ฆาตกรฆ่าข่มขืน ติดคุกก็มีโอกาสออกมาก่อเหตุซ้ำ จะให้โอกาสทำไม เพราะคนที่เป็นผู้เสียหาย มันเป็นตราบาปตลอดชีวิต คนเหล่านี้จะต้องถูกลงโทษอย่างหนักเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง นโยบายพรรคไทยศรีวิไลย์ คือ ต้องบังคับใช้กฎหมายให้มีความเข้มข้นและลงโทษอย่างจริงจังเพื่อให้สังคมเราได้รับการปกป้อง มีความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ผู้มีอิทธิพลต้องหมดไปจากประเทศนี้
สรุปคือง่าย ๆ ก็คือ ปราบโกง ปฏิรูปราชการ สร้างงานสร้างอาชีพ คืนความเป็นธรรมในสังคม ปฏิรูปการศึกษา พ่อค้ายาปล้นฆ่าข่มขืนต้องประหาร
สำหรับตอนนี้ที่เป็นกระแสในโลกออนไลน์ เรื่องการเปิดรับเงินบริจาค ในส่วนของการโอนเงินเข้าบัญชี ชื่อบัญชีเป็นชื่อส่วนตัวของตน ขอชี้แจงว่า ตอนนี้บัญชีของพรรคยังไม่เรียบร้อย ซึ่งที่ผ่านมาช่วงการก่อตั้งพรรคเป็นการลงขันรวมตัวกันระหว่างกรรมการบริหารพรรค ใช้เงินยืมกรรมการพรรค ยืมกันไปมาจนมีเงินมาถึงล้านบาท ก็ใช้บริหารลงพื้นที่ ซึ่งตอนนี้เหลือเงินอยู่ประมาณ 150,000 บาท และอีกไม่นานจะมีการสมัครเราจะใช้เงินเยอะมาก ซึ่งในเรื่องของการใช้บัญชีส่วนตัวระดมเงิน มีเงินโอนเข้ามาเท่าไหร่ให้แจ้งสลิป ทางพรรคจะออกใบเสร็จให้ทุกคน ส่วนบางรายที่โอนมา 20 บาท 50 บาท โดยไม่ได้ระบุตัวตน จะขออนุญาตเป็นตัวแทนมอบให้กับพรรค ซึ่งหลังจากที่บัญชีพรรค ก็จะยุติตรงนี้ ซึ่งเงินทุกบาททุกสตางค์สามารถตรวจสอบได้
ทั้งนี้ ตนเองต้องการให้พรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นพรรคการเมืองของประชาชนจริง ๆ ไม่มีเงินทุน ไม่มีใครบริจาคเป็นร้อยล้าน บางคนจะบริจาคก็ต่อรองขอตำแหน่ง มันไม่ยุติธรรมกับคนทำงาน อยู่ดี ๆ เอาเงินมาซื้อความสำเร็จเราไม่ต้องการพรรคไทยศรีวิไลย์จะอยู่รอดหรือไม่รอด อยู่ที่ศรัทธาของประชาชนคนที่จะเป็นเจ้าของพรรค คือ ช่วยกันบริจาคคนละ 100-200 เราต้องการเงินจำนวนนี้มากกว่า ต้องการปริมาณคนที่มาสนับสนุนพรรค ไม่ต้องการคนที่นำเงินมาทุ่มให้พรรคเพื่อแลกกับตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะเรามั่นใจว่าเราจะมีโอกาสเข้าสภา เพื่อไปเป็นปากเสียงให้กับประชาชน
