เมื่อวันที่ 27 มกราคม นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) กล่าวถึงเนื้อหาในพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งออนไลน์ ว่า เนื้อหาหรือข้อความบางอย่างในกฎหมายมีความไม่ชัดเจน สามารถตีความได้หลายแบบ อาจเกิดการนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองได้ ซึ่งระหว่างวิกฤติของประเทศสิบกว่าปีมานี้ เราควรจะเรียนรู้ไว้เป็นบทเรียนว่า การตีความกฎหมาย สร้างความเสียหายมากมายขนาดไหน ทำให้เกิดวิกฤตศรัทธาต่อระบบและกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ประชาชนไม่เชื่อถือในหลักนิติรัฐ นิติธรรม รวมทั้งตลอดสิบกว่าปีมานี้ เกิดการนำเอากฎหมายมาใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้าม รวมถึงผู้คิดต่างทางการเมือง ทั้งในการสร้างความได้เปรียบ เสียเปรียบในการแข่งขัน การพยายามใช้เนติบริกร เขียนกฎหมาย ให้พวกตัวเองได้เปรียบ เปิดช่องไว้ทำลายฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่มาจากการรัฐประหาร มีการออกคำสั่ง ประกาศมากมายที่ลิดรอนเสรีภาพของประชาชน รวมถึงสร้างความได้เปรียบให้พรรคการเมืองที่สนับสนุนตัวเอง สร้างโอกาสในการสืบทอดอำนาจของตัวเอง ลิดรอนเสรีภาพของพรรคการเมือง ประชาชน สร้างบรรยากาศของการเลือกตั้งที่ไม่ปกติ และเมื่อพิจารณาจากกฎหมายที่ดูแล้วมีความไม่ชัดเจน สามารถตีความได้หลากหลาย ยิ่งสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว กังวล และส่งผลต่อการหาเสียงที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งฝ่ายที่ถูกกระทำอยู่เสมอๆ ต้องคอยหวาดระแวง ไม่กล้าทำอะไร ในขณะที่อีกฝ่าย ทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องกังวล
นายรยุศด์ กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันโซเชียลมีเดีย มีผลอย่างมากในสังคมไทย ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ สื่อโซเชียลมีเดีย จะเป็นช่องทางหนึ่งที่สำคัญที่พรรคการเมืองทั้งใหม่และเก่า ที่จะใช้สื่อสารกับประชาชน ทั้งเข้าถึงได้ง่าย ราคาถูก โดยเฉพาะในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ทำให้เกิดพรรคการเมืองเล็ก ๆ ตั้งขึ้นใหม่จำนวนมาก ซึ่งมีงบประมาณในการหาเสียงจำกัด ช่องทางโซเชียลมีเดียจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ ได้ผล และ ใช้งบประมาณน้อย เหมาะกับเป้าหมายของรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการให้เกิดความเท่าเทียมกันของพรรคการเมือง ไม่ต้องการให้เกิดพรรคนายทุน หากหน่วยงานราชการของไทย รวมถึง กกต. ทันยุค ทันเทคโนโลยี ก็ควรที่จะส่งเสริมให้โซเชียลมีเดีย เป็นช่องทางในการหาเสียง มากกว่า ออกกฎหมายมาสร้างความหวาดกลัว และเกิดความระแวง ดังนั้น ตนขอเรียกร้องให้ กกต. ทำความชัดเจนในข้อกฎหมายมากกว่านี้ เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการเลือกตั้ง และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพรรคการเมืองและประชาชนว่า จะไม่ถูกเอากฎหมายมากลั่นแกล้ง โดยไม่เป็นธรรม เพื่อให้เกิดการเลือกตั้ง ที่ฟรี แฟร์ อย่างที่ควรจะเป็น
