ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 3 ก.พ.62 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ” Thirachai Phuvanatnaranubala” เกี่ยวกับกรณีที่ นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ ‘ฟังคำสัมภาษณ์ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ โดยระบุว่า
“คำสัมภาษณ์นี้ถือว่าสวนกระแสบรรยากาศใกล้เลือกตั้งอย่างมาก ปกติแล้วจะไม่ใครอยากแสดงความคิดเห็นที่จะสุ่มเสี่ยงได้รับเสียงด่าโดยไม่จำเป็น ทั้งจากนักเลือกตั้ง กองเชียร์ของทุกพรรค และผู้ที่เกลียดเผด็จการทหารและเชื่อว่าประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง
แต่ถ้าไม่มีใครสักคนที่มีบารมีและน้ำหนักพอในสังคมมาจุดประกายในเส้นทางที่มืดมิด ช่วยแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้บ้าง สังคมการเมืองไทยก็จะขัดแย้งแตกแยกกันเสียหายต่อไปอีกไม่รู้จบสิ้น
ประเด็นสำคัญ
1. “ระบบนักเลือกตั้งที่เป็นอยู่”ในปัจจุบันต้องใช้เงินอย่างมหาศาล เต็มไปด้วย ผู้มีอิทธิพล มาเฟีย สามารถกลายเป็นระบบ “เผด็จการรัฐสภา” ได้
และเมื่อเทียบกับ “เผด็จการทหาร” แล้วทั้ง 2 ระบบต่างก็สามารถโกงชาติบ้านเมืองและทำลายฝ่ายตรงกันข้าม เพื่อประโยชน์เฉพาะพรรคพวกตัวเองได้ทั้งสิ้น ถ้าไม่ปกครองด้วย ธรรมาธิปไตย จริงหรือไม่?
2. ถามคนรักประชาธิปไตยว่า กติกาตอนนี้เป็นประชาธิปไตยหรือยัง เสียงข้างมากในสภาอาจไม่ได้เป็นรัฐบาลได้นั้น เป็นประชาธิปไตยหรือไม่?
โดยเฉพาะ ส.ว.ที่ถูกคัดเลือกมานั้น ก็จะมาจากคณะบุคคลที่มาจากฝ่ายเผด็จการทหาร ซึ่งกำลังจะเข้าไปในพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองเดียว ซึ่งตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นผู้มีธรรมาธิปไตยอย่างแท้จริง ใช่หรือไม่?
3. องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ กกต. ปปช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ล้วนผ่านมากจากความสัมพันธ์โยงใยกับพรรคการเมืองเดียวที่ทีสายสัมพันธ์กับรัฐบาลเผด็จการทหาร
ซึ่งองค์กรอิสระบางแห่ง เช่น ปปช. ได้เคยใช้อำนาจปกป้องพวกพ้องทำลายฝ่ายตรงกันข้าม ใช่หรือไม่?
ถ้าใช่ขอถามต่อว่า เรายังคิดว่า“ระบบ” แบบนี้จะทำให้เกิดความเป็นธรรม ความสงบเรียบร้อย และความเป็นประชาธิปไตยได้จริงหรือ?
3. ถ้าเชื่อว่าระบบเป็นมีอยู่เป็นปัญหา คำถามคือการเลือกตั้งระบบและกติกานี้เปิดโอกาสให้แก้ไขกติกาได้ตรงไหน ถ้าไม่อาศัยเสียง ส.ว. และในเมื่อ ส.ว.ก็มาจากบุคคลที่กำลังจะไปอยู่ในพรรคการเมืองเดียวที่ตัวเองมีส่วนได้ส่วนเสียในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย
การเสี่ยงจุดประกาย ให้ความเห็นครั้งนี้ของ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ แท้ที่จริงก็คือ
“เราต้องการกติกาใหม่ที่เป็นประชาธิปไตย ในรูปแบบสังคมธรรมาธิปไตยหรือไม่?”
ถ้าใช่ ก็ต้องตอบว่า เมื่อการเลือกตั้งในระบบที่เป็นอยู่นี้จะแก้ไขปัญหาไม่ได้ มีแต่จะขัดแย้งและหาทางออกไม่ได้ ทำไมเราไม่กลับมาคิดทบทวนวิธีอื่นตั้งแต่วันนี้’
ผมขอเพิ่มเติม เมื่อวานนี้คุยกับคนในวงการการเมือง เขาบอกว่าแค่ลำพังค่าใช้จ่ายในการระดมชื่อคนมาเป็นผู้สมัครเขตให้มากพอ และถึงแม้ไม่ใช้เงินซื้อเสียง ก็ยังต้องควักกระเป๋ารายละหลายแสนบาท
ถามว่า ทำอย่างไรระบบไทยจึงจะเปิดให้มีกรณีอย่าง นายมาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เกิดขึ้นได้?
คนที่ไม่มีพรรคหนุนหลัง ไม่ใช่เศรษฐี แต่มี นโยบายและแนวคิด ที่ประชาชนชื่นชอบ สามารถแทรกตัวขึ้นมาได้ ส่วนการจัดตั้งพรรคเพื่อรวบรวมคนที่มีแนวคิดเดียวกัน จะเกิดขึ้นภายหลังก็ได้
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล