ชัชชาติ-ฉับเฉง บิ๊กตู่-เฉื่อยเนือย 2 ท่าที‘ตัวเก็ง’

เพราะสถานการณ์เดินหน้ามาถึงจุด “เข้าด้ายเข้าเข็ม”

ที่ทุกความเคลื่อนไหวล้วนแล้วแต่มีความหมาย

ความผิดพลาดไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ

อาจหมายถึงความพ่ายแพ้หรือความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่

Advertisement

จึงไม่พึงแปลกใจที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แกนนำพรรคและแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย (พท.)

ต้องออกมาชี้แจงกรณีมีประชาชนเกิดความสับสน หลังจากที่ตนเอง ไม่มีชื่อในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์พรรคเพื่อไทย

โดยยืนยันว่ายังเดินหน้าในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ ในฐานะผู้มีชื่อในบัญชีแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย

Advertisement

ถ้าชนะ ก็พร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน

นายชัชชาติกล่าวต่อว่า เลือกตั้งครั้งนี้ บัตรใบเดียวเลือก 3 อย่างคือ 1.ส.ส.เขต 2.ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และ 3.แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

โดยนายกฯไม่ต้องมาจาก ส.ส. แต่ต้องอยู่ในแคนดิเดตนายกฯ

ซึ่งตนไม่ได้ลง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพราะไม่ถนัดงานนิติบัญญัติ และมีคนที่เก่งงานสภาของพรรคควรจะลงเยอะ

“ผมอยู่ในแคนดิเดตนายกฯ 1 ใน 3 ถ้าชนะ ยังเป็นนายกฯได้ ขึ้นกับเสียงของพี่น้องประชาชน และการลงมติของพรรคร่วมรัฐบาล

ส่วนเรื่องผู้ว่าฯกทม. เผอิญมีนักข่าวถามว่าถ้าแพ้เลือกตั้ง จะทำอะไรต่อเพราะไม่ได้เป็น ส.ส.

ผมตอบว่ามีอะไรทำเยอะ อาจจะไปลงผู้ว่าฯกทม. ก็ได้

สรุปว่า ตอนนี้ยืนยันและพร้อมลุยกับงานในส่วนแคนดิเดตนายกฯ 100%”

ขนาดเป็น 1 ใน 3 รายชื่อของพรรคเพื่อไทยร่วมกับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ นายชัยเกษม นิติสิริ

ยังไม่รู้ด้วยว่าพรรคจะชนะการเลือกตั้งหรือไม่-ทั้งที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นพรรคที่ได้รับเลือกตั้งมากที่สุด

และยังไม่รู้ด้วยว่าใน 3 คนนี้พรรคจะเลือกส่งใครเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

เพียงแค่เกิดความสับสน และความเข้าใจผิดเล็กน้อย

นายชัชชาติยังต้องออกมาแก้ไข ทำให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง

ไม่ปล่อยให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย ความไม่แน่ใจ ค้างคาอยู่ในใจของประชาชน

เพราะตระหนักดีว่า ในสถานการณ์เลือกตั้งฝุ่นตลบเช่นนี้ ความอึมครึม ความไม่แน่ใจของประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง

อาจนำไปสู่ความเสียหายระดับเล็กน้อย เช่น การสูญเสียเก้าอี้ ส.ส.บางพื้นที่

ไปจนกระทั่งถึงเรื่องใหญ่อย่างการพลาดการจัดตั้งรัฐบาล

และการช่วงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

แต่ในทางกลับกัน

ขณะที่ “ตัวเก็ง” ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งกระฉับกระเฉงตื่นตัวเป็นอย่างยิ่ง

“ว่าที่” นายกรัฐมนตรีภายหลังการเลือกตั้งตามความคาดหมายของคนทั่วไป อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน

กลับสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง

แม้จะมีการจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันอยู่ว่าตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรี

แม้จะมีการยก “ขบวนขันหมาก” ไปสู่ขอทาบทามกันอย่างเอิกเกริกถึงทำเนียบรัฐบาล เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังไม่ทำให้เกิดความชัดเจนว่า จะตอบรับคำเชิญนี้หรือไม่ อย่างไร

แต่ขอให้รอ “คำตอบสุดท้าย” ในวันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์

อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ที่เคยกระตือรือร้น ถึงขนาดประกาศตัวเป็น “นักการเมือง” กลับเฉื่อยเนือยลงไปในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

จะเป็นปัญหาความไม่พอใจในตัวบุคคลที่อยู่ในรายชื่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์

จะเป็นเพราะไม่พอใจนโยบาย-การดำเนินการบางอย่างของพรรค

หรือมีปัจจัยอื่นนอกเหนือความคาดหมายเพิ่มเข้ามาให้ต้องพิจารณาสถานการณ์ทั้งหมดใหม่อีกครั้ง

ยังไม่มีใครให้คำตอบได้นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์เอง

แต่ “อาการแผ่ว” จากว่าที่นายกรัฐมนตรี

ย่อมส่งผลต่อเนื่องไปถึงพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ยิ่งแผ่วยิ่งลังเล กระแสยิ่งลดหดหายลงไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image