ปรากฏการณ์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกตรวจราชการย่าน บางแค กับที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไปร่วมหาเสียงกับผู้สมัครที่ มหาวิทยาลัยสยาม ตลิ่งชัน ภาษีเจริญ
นำไปสู่การเปรียบเทียบในทางการเมืองขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
แม้ว่าการไปตรวจราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกระทำในจุดอันเป็น “นายกรัฐมนตรี” สะท้อนความห่วงใยที่รัฐ บาลมีต่อประชาชน
ขณะที่การไปของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นการไปหา เสียงสร้างคะแนนนิยมให้กับผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่
แต่อย่าลืมอีก “สถานะ” หนึ่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐโดยเด็ดขาด
นี่คือจุดอันละเอียดอ่อนยิ่งในทางการเมือง
มีความแตกต่างกันอย่างแน่นอนระหว่างภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับภาพของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรากฏในทาง สังคม
ความแตกต่างนั้นมีพื้นฐานมาจากความแตกต่างของสถานะ ในทางการเมือง
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นอะไร
ไม่เพียงแต่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล คือ นายกรัฐมนตรีเท่านั้น หากแต่ยังเป็นหัวหน้าคสช.
จึงต้องมี “รปภ.” สวมสูทตีหน้าเข้มเป็นเงาเรียงเคียงข้าง
ตรงกันข้าม การไปของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เบาสบาย อย่างยิ่ง เสียงโห่ร้อง ขานรับ จากคนหนุ่มสาว ขอถ่ายรูป ขอลาย เซ็น
ประสานกับเสียงตะโกน “ฟ้ารักพ่อ” ดังกึกก้อง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจได้ความเข้มจากการเป็นหัวหน้าคสช. จากการเป็นหัวหน้ารัฐบาล
แต่ในฐานะ”แคนดิเดต”นายกรัฐมนตรีอาจเสียเปรียบ
อย่าว่าแต่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เลย แม้กระทั่งนักการเมืองคนอื่นๆไม่ว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไม่ว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง เมื่ออยู่ท่ามกลางประชาชน
จะ “ผ่อนคลาย” มากกว่าเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกตรวจราชการ
เพราะว่าติดกับภาพของ “ทหาร” ภาพของ “ข้าราชการ”
นี่คือจุดที่เสียเปรียบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เกาะติดการเมือง กับ Line@มติชนการเมือง
