‘ลดาวัลลิ์’ เสนอรัฐบาล ตัดงบซื้ออาวุธแทนตัดเบี้ยยังชีพคนชรา

ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ (แฟ้มภาพ)
เมื่อวันที่ 15  พฤษภาคม นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า รู้สึกเห็นใจรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ที่ประสบภาวะยากลำบากในการหารายได้มาใช้จ่ายในทุกโครงการเพื่อการพัฒนาประเทศและเพื่อความกินดีอยู่ดีของประชาชนชาวไทยทุกคน เนื่องจากจะครบ 2 ปีของการยึดอำนาจจากรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 แต่ตลอด 2 ปีที่ผ่านมานี้ตัวเลขชี้วัดทางเศรษฐกิจมีแต่ลดลงเรื่อยๆอย่างน่าใจหาย ปี 2558 ที่ต้นปีประเมินโตเกิน 3% แต่ตัวเลขจริง ณ สิ้นปีทำได้แค่ 2.8%  หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ เอ็นพีแอลสินเชื่ออุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอ็นพีแอลบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปี คือจาก 2.23%เมื่อปี 2555 เพิ่มเป็น 4.66% จากข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยล่าสุด
นางลดาวัลลิ์ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามลดรายจ่ายทุกด้านลง และมุ่งตัดรายจ่ายในโครงการที่รัฐบาลในอดีตเคยจัดให้แก่ประชาชนเช่น เงินอุดหนุนการศึกษาเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลาย และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ฯลฯ ซึ่งเงินส่วนนี้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวันของทุกครัวเรือน การที่กระทรวงการคลังจะตัดเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่มีรายได้เกินเดือนละ 9,000 บาทนั้น อาจกระทบความรู้สึกและกระทบต่อความเป็นอยู่ของผู้สูงวัยในกลุ่มนั้นซึ่งมีประมาณ  1 ล้านคน ซึ่งกระทรวงการคลังได้สำรวจแล้วหรือยัง ว่าบุคคลกลุ่มนี้มีภาระหนี้สินที่ต้องชำระทุกเดือนหรือไม่ เช่น หนี้ผ่อนชำระ บ้าน รถยนต์ ฯลฯ และมีเงินเหลือกินเหลือใช้จริงๆเดือนละกี่บาท เงินจากเบี้ยยังชีพ ที่แต่ละคนได้รับนั้นได้ใช้ประโยชน์ ได้ช่วยแก้ไขวิกฤตให้แก่ครอบครัวมากน้อยเพียงใด ตนเชื่อว่า เงินจำนวน 600-800 บาทต่อเดือนนั้นมีคุณค่ามหาศาลต่อคนที่มีภาระหนี้สินและมีรายได้น้อย หากรัฐบาลตัดเบี้ยยังชีพ ก็จะสร้างความเดือดร้อนให้คนกลุ่มนี้ไม่น้อย และที่สำคัญเงินที่รัฐบาลนำมาจ่ายเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงวัยทุกคนนั้นเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของประชาชนชาวไทยทุกคนมิใช่หรือ ดังนั้นผู้สูงอายุทุกคนย่อมมีสิทธิจะได้รับสวัสดิการสังคมจากรัฐบาลอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันทุกคนจึงจะถูกต้อง
นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า หากรัฐบาลต้องการลดรายจ่ายลง ก็ควรจะปรับลดรายจ่ายในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ปีละหลายหมื่นล้านบาท ซื้อมาแล้วก็ไม่ได้ใช้งานเพราะไม่มีสงคราม จะดีกว่ามาตัดเบี้ยยังชีพผู้สูงวัยเพียงแค่ 1 ล้านคน เพื่อจะประหยัดงบประมาณปีละแค่หมื่นล้านบาท แต่อย่าลืมว่าเงินส่วนเบี้ยยังชีพนี้เมื่อรัฐบาลจ่ายไปแล้วยังจะถูกนำมาใช้จ่ายซื้ออาหารการกินเงินก็จะสะพัดในระบบเศรษฐกิจตามมาทุกเดือน  จึงขอใหัรัฐบาลคิดให้รอบคอบหากจะตัดโครงการที่เป็นสวัสดิการสังคมที่รัฐพึงจัดให้ประชาชนทุกคนอย่างทั่วถึง
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image