“จุรินทร์” ลุยหาเสียงหาดใหญ่ มั่นใจสงขลาได้ที่นั่งส.ส.ยกทีม แนะปชช.เลือกพรรคการเมืองที่นโยบายทำได้ และมีโอกาสได้ทำ
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยนายภีรพล ลาภาโรจน์กิจ ผู้สมัครหมายเลข 5 เขต 2 เทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้ออกเดินพบปะประชาชน ในย่านธุรกิจของ อ.หาดใหญ่ บริเวณหน้า โรงแรมลีการ์เด้นท์และตลาดกิมหยง โดยได้รับการต้อนรับอย่างคึกคักจากประชาชน ผู้ค้า ห้องแถว แผงขายของริมถนนตลอดจนห้างร้านต่างๆ และมีประชาชนผู้สนับสนุนเข้ามาขอถ่ายภาพด้วยจำนวนมาก รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีอีก 2 คันรถบัสขนาดใหญ่ ทำให้บรรยากาศการหาเสียงได้รับสนใจและเป็นไปด้วยความคึกคัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายจุรินทร์ทักทายสอบถามเรื่องการค้าขาย ส่วนใหญ่จะตอบตรงกันว่า ขายไม่ค่อยดีและยังถูกซ้ำเติมจากการอ่อนค่าของเงินมาเลย์ทำให้นักท่องเที่ยวมาเลเซียรู้สึกว่ามาเที่ยวเมืองไทยแล้วแพงขึ้น อีกทั้งราคายางพาราก็ตกมากทำให้คนไทยไม่มีเงินมาจับจ่ายใช้สอย
โดยนายณัฐชัย ทวีชัยเจริญ ผู้ค้าเสื้อผ้ารายหนึ่งกล่าวว่า นอกจากร้านขายเสื้อผ้าแล้ว ตนก็มีสวนยางอยู่จำนวนหนึ่ง ราคาไม่ดีเลย แต่จำได้ดีว่านายจุรินทร์เคยช่วยทำให้ราคายางดีขึ้นจาก กก.ละ 10 กว่าบาทไปเป็น 40 กว่าบาท ตอนเป็น รมช.พาณิชย์ ในช่วงรัฐบาลชวน นับแต่นั้นมา ตนจึงไม่เคยเปลึ่ยนใจไปจากพรรคประชาธิปัตย์แม้แต่ครั้งเดียวและเลือกพรรคประชาธิปัตย์ตลอดมาเหมือนหลายคน
ทั้งนี้ นายจุรินทร์ กล่าวถึงภาพรวมของการเลือกตั้งในจ.สงขลาว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งผู้สมัครครบทั้ง 8 เขต มั่นใจว่าจะได้รับเลือกตั้งทุกเขตแบบยกทีม แต่ที่กังวลมากก็คือเริ่มมีการใช้เงินมากเป็นพิเศษในหลายรูปแบบ หลากหลายวิธีการ แต่ก็ยังเชื่อมั่นในวิจารณญานของคนสงขลาว่าจะยังสนับสนุนพรรคปชป.
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคใหม่ๆเกิดขึ้นมาก ทำให้กังวลต่อการหาเสียงหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นปรากฏการณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่บังคับให้เลือกคนและพรรครวมกันในบัตรใบเดียว ทุกพรรคจึงล้วนมุ่งหวังคะแนนสะสมจากเขตต่างๆทั้งประเทศรวมกันให้ได้มากที่สุด โดยพรรคไหนได้ราว 80,000 คะแนน ก็จะได้ ส.ส.ราว 1 ที่นั่ง จึงทำให้พรรคเล็กพรรคน้อยเกิดขึ้นมากมาย ส่วนบางนโยบายซ้ำซ้อนจนเหมือนลอกกันมาก็มีนั้น นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ลอกเลียนใคร เพราะคิดจากอุดมการณ์ที่มีมายาวนาน 72 ปีและเป็นการต่อยอดนโยบายรัฐบาลประชาธิปัตย์ในอดีตจนกลายเป็นนโยบาย’แก้จน สร้างคน สร้างชาติ’ในวันนี้
“ซึ่งนโยบายหลายพรรคอาจเหมือนกันเป๊ะ แค่ไปแก้ตัวเงินใหม่ให้มากขึ้น เหมือนเกทับกันไปเกทับกันมาก็ตาม แต่ไม่อยากโทษว่าใครลอกใคร อยากฝากประชาชนเพียงว่านอกจากจะดูที่ตัวนโยบาย พรรคไหนให้เท่าไหร่แล้ว อยากให้ดูด้วยว่าพรรคนั้นจะมีโอกาสได้นำนโยบายไปทำหรือไม่ประกอบด้วย เพราะถ้าไม่มีโอกาสแน่ๆ นโยบายนั้นจะเลิศหรูแค่ไหนก็ไม่มีความหมาย” รองหัวหน้าปชป.กล่าว
