การเสนอตัดงบประมาณกระทรวงกลาโหมลงร้อยละ 10 อันมาจากพรรคเพื่อไทยกำลังส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งในทางการเมือง
เห็นได้จาก “ปฏิกิริยา” จาก “กองทัพ”
เห็นได้จาก “ความเห็น” ในลักษณะต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในสื่อเก่า หรือ สื่อใหม่
ความจริง เรื่องนี้พรรคอนาคตใหม่โดย พล.ท.พงศธร รอดชมภู เป็นผู้จุดประเด็นผ่านวาทกรรม”ปฎิรูปกองทัพ” ปรับลดงบ ประมาณ ปรับกระบวนการเกณฑ์ทหาร
เน้นในเรื่อง “วิจัย”และ”พัฒนา”ให้สอดรับกับกองทัพในศต วรรษที่ 21
แต่เรื่องมาฮือฮาเพราะการตัดร้อยละ 10 ของพรรคเพื่อไทย
เหตุปัจจัยอะไรทำให้ประเด็นอันเกี่ยวกับงบประมาณของกระทรวงกลาโหมกลายเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ จนโฆษก กระทรวงกลาโหมต้องออกมาแถลงย้ำ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
คำตอบอยู่ที่ กรณี “หนักแผ่นดิน”
หากไม่มีการหยิบยกและเสนอในเชิงชี้แนะให้ไปฟังเพลง”หนักแผ่นดิน”
คงไม่เป็นเรื่องประเภทบานปลาย-ใหญ่
หากคนที่เสนอให้ไปฟังเพลง”หนักแผ่นดิน”ไม่ดำรงตำแหน่ง สำคัญในกองทัพ และหากไม่มีการขานรับจากคนใหญ่คนโตในกระทรวงกลาโหม
ข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย ข้อเสนอของพรรคอนาคตใหม่ก็เป็นเพียงการรณรงค์ในเรื่อง “นโยบาย”
อย่างเก่งก็เป็นเพียง”หัวข้อ”ในวงสัมนาทางวิชาการ
แต่จากกรณี”หนักแผ่นดิน”ได้นำไปสู่การจัดรายการดีเบตคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นระหว่างพรรครวมพลังประชาชาติไทยกับพรรคอนาคตใหม่ หรือพรรคพลังประชารัฐกับพรรคไทยรักษาชาติ
กลายเป็นเรื่องบานปลายกระทั่งหุบไม่ลง
จากประเด็นเพลง “หนักแผ่นดิน” จึงไม่เพียงแต่เกิดความสัมพันธ์ถึง เพลง “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” หากวาทกรรม “ปฏิรูปกองทัพ” ก็ร้อนแรงขึ้น
นำไปสู่การแบ่งฝ่ายระหว่าง พรรคพลังประชารัฐ พรรครวม พลังประชาชาติไทย กับ พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่
ในที่สุดก็ลงเอยที่ เอา หรือไม่เอา “คสช.”
ประเด็น “หนักแผ่นดิน” จึงร้อนแรงก่อน “การเลือกตั้ง“