คนเขาอ่านรัฐธรรมนูญรู้ ดูกฎหมายเป็น ปมลากตั้ง 250 ส.ว. พูดมากเจ็บคอเปล่าๆ
เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย หรือมือไม้ใคร
อำนาจตามบทเฉพาะกาลนั่นก็ยิ่งชัด เปิดทางโหวตลงคะแนนเลือกนายกฯ ได้ด้วย โดยใช้เกณฑ์เสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภาตัดสิน
ฉบับเดิมๆ วัดเสียงกันแค่ ใครได้เกินครึ่ง เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร หรือพูดภาษาชาวบ้านก็คือ จำกัดวงเฉพาะเสียง ส.ส. ผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง 500 คนของประชาชนเท่านั้น
แต่ฉบับที่จะประเดิมใช้เลือกนายกฯ ครั้งแรก หลังเลือกตั้ง 24 มีนาฯ
ดีไซน์ใหม่ ใช้เสียงเกินครึ่งของ 2 สภา-สภาเลือกตั้ง 500 คน สภาแต่งตั้ง 250 คน
ใครได้ 375 อัพรับเก้าอี้นายกฯ
ลดทอนความสำคัญของเสียงที่มาจากการเลือกตั้ง-ตัวแทนประชาชน
พรรคไหนก็ตาม ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ส.ส.-เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ จัดเต็มครบสูตร
แต่ต่อให้ได้ 370 เสียงพรรคเดียว อีก 70 กว่าพรรคได้ที่นั่งรวมกัน 130 ก็หมดสิทธิลุ้นเก้าอี้นายกฯ หาก 250 ส.ว.ไม่เอาด้วย
อ้างโน่นนี่ เหตุที่ต้องให้ ส.ว.ร่วมแจม
250 ส.ว.ไม่ใช่จุดสำคัญในการขับเคลื่อนรัฐบาล พูดอีกก็ถูกอีก
เพราะสำคัญ-เป็นเสียง แต้มต่อโหวตเลือกนายกฯ
ส่วนเสียงรัฐบาล ก็หลักการเดิม ตามมาตรฐานฉบับเก่า จะให้มั่นคง มีเสถียรภาพทำงานได้ ยังไงๆ ก็ต้องเกินครึ่ง 250 อัพ
ที่มันวุ่น ต้องคิดสภาล่าง-สภาบน
ก็เอามาปนรวมกันเฉพาะกาลชั่วคราว
แต่ถ้าลองถึงขั้นล็อกตัวชั้นแรกได้
ไม่มีปัญญากวาด ส.ส.มาร่วมเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากได้เกิน 250 ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว