สัมภาษณ์พิเศษ : ‘สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์’ขออย่ามอง‘บิ๊กตู่’แค่เปลือกนอก (คลิป)

หมายเหตุนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดใจกับ “มติชน” ถึงแนวทางการขับเคลื่อนพรรค รวมถึงความคาดหวังในการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562

⦁เกือบโค้งสุดท้ายแล้ว กระแสพรรคเป็นอย่างไรบ้าง
ถึงวันนี้เห็นว่าพรรค พปชร.เดินหน้าไปได้ด้วยดี หากเทียบกับการจัดตั้งพรรคและการทำงานในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งใช้เวลาไม่มาก โดยเป็นไปตามความตั้งใจ ที่พวกเราเข้ามาทำงานเพราะเริ่มแรกเดิมที เราตั้งใจว่าต้องการให้มีพรรคการเมืองที่จะเป็นทางออกของประเทศ ให้เป็นพรรคทางเลือกสำหรับคนไทย เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ จากนั้นเราก็ได้เดินหน้าไปสู่ความเป็นพรรค โดยมีทิศทางไม่ให้ประเทศอยู่กับที่ ให้สามารถก้าวพ้นความขัดแย้งในอดีตไปได้ เพราะความขัดแย้งเปรียบเสมือนรากฐานปัญหาของการเมืองไทย ซึ่งความขัดแย้งนั้นยังดำรงอยู่จนถึงวันนี้ ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้จะต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง
พรรค พปชร.มีความมุ่งหวังที่จะสานต่อในสิ่งที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำ เราเป็นองค์ประกอบของคน 3 ส่วน 1.นักการเมืองเดิม ซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมือง เพราะการทำงานทางการเมืองจำเป็นต้องพึ่งคนที่มีประสบการณ์ โดยนักการเมืองเดิมเหล่านี้ได้ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ จนเรียนรู้ถูกผิดมาเป็นอย่างดี 2.คนปัจจุบันทางการเมือง มีอดีต 4 รัฐมนตรีเป็นแกนหลัก พวกเราได้ลาออกจากตำแหน่งเพื่อเข้าสู่งานการเมืองอย่างเต็มตัว ทั้งที่เราไม่เคยคิดจะทำงานการเมืองมาก่อน แต่เห็นว่ามีความจำเป็นต้องเข้ามา เพื่อเป็นตัวแทนของคนรุ่นปัจจุบัน 3.คนรุ่นใหม่ พรรค พปชร.ถือว่ามีคนรุ่นใหม่มากที่สุดในบรรดาพรรคการเมืองที่มีอยู่ เป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารพรรคหรือเกี่ยวข้องกับการเมืองในอดีต ดังจะเห็นว่าผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯเกือบทั้งหมดล้วนเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการเลือกตั้งมาก่อน แต่พวกเขามีคุณสมบัติที่โดดเด่น

⦁ดูเหมือนจะเป็นส่วนผสมของหลายก๊กการเมืองด้วย
เมื่อเราตั้งใจจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง พรรค พปชร.จึงได้ดึงเอาคู่ขัดแย้งทั้งหมดเข้ามาอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งเสื้อแดง กปปส.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีเจตนารมณ์ร่วมกันว่าจะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาประเทศ หัวใจสำคัญของปัญหาประเทศไทยคือการเดินหน้าอย่างไม่ต่อเนื่อง เพราะมีการเปลี่ยนแปลง หยุดอยู่กับที่ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศ และเราเห็นว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์นั้นเป็นการวางรากฐานของประเทศในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย ถือเป็นการเตรียมประเทศไว้มากที่สุด ถ้าเปรียบกับหลายรัฐบาลที่ผ่านมา

⦁พรรคจะก้าวข้ามความขัดแย้ง กลับชู พล.อ.ประยุทธ์ขึ้น จึงเหมือนการสืบทอดอำนาจ
คิดว่าเรื่องนี้เป็นการต่อสู้ทางการเมืองมากกว่า ต้องแยกกันว่าพรรค พปชร.และ คสช.ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน เราเป็นพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นตามเป้าหมายของเรา เพียงแต่เมื่อเรามองหาคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีตามที่รัฐธรรมนูญได้เปิดโอกาสไว้ เรามองว่าคนที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน ในช่วงรอยต่อเช่นนี้คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเหมาะที่สุดที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นเราจึงไปเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับ คสช. นี่คือการต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตย เพียงแต่เสนอนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์เองก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเดินหน้าพรรค เช่น การร่างนโยบาย เพียงแค่รับเป็นนายกรัฐมนตรีให้พรรคก็เท่านั้น

Advertisement

⦁พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร มีบุคลิกดุดัน อารมณ์ร้อน เหตุใดจึงคิดว่าประชาชนจะเลือก
พล.อ.ประยุทธ์ทุ่มเทตั้งใจเพื่อประเทศ เวลาที่มีการวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์เป็นการวิจารณ์ที่เปลือก แต่พรรค พปชร.ไม่ได้มองที่เปลือก อย่างที่ท่านอารมณ์ร้อนนั้นต้องดูเหตุผลว่าเพื่อชาติบ้านเมืองหรือไม่ ซึ่งในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์อารมณ์ร้อนนั้นเป็นไปเพื่อชาติบ้านเมือง ด้วยความที่ทุ่มเทตั้งใจ เมื่อเจออะไรที่เป็นอุปสรรคก็อาจจะหงุดหงิดบ้าง และอาจเป็นด้วยบุคลิกทหารของท่าน แต่หัวใจสำคัญคือ พล.อ.ประยุทธ์ทุ่มเทเพื่อชาติบ้านเมือง ซึ่งคือแก่นของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เปลือกที่หลายคนเป็นห่วงกัน
ผมเชื่อว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง ก็จะเป็นนายกฯในอีกมิติหนึ่ง ที่ต่างจากนายกฯประยุทธ์คนเดิม เพราะต้องไม่ลืมว่าตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์บริหารงานในรัฐบาลที่มีบริบทแบบหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลาที่มีรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้ง ผมเชื่อว่าท่านจะเป็นนายกฯประยุทธ์อีกคนหนึ่งที่เหมาะกับการเป็นนายกฯตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งพรรคเห็นสิ่งเหล่านี้ในตัวท่าน ไม่ได้เห็นสิ่งที่หลายคนเป็นห่วง เชื่อว่าท่านจะเป็นนายกฯอีกคนหนึ่งที่จะนำประเทศในระบอบประชาธิปไตยต่อไปได้

⦁แสดงว่าไม่เห็นว่าบุคลิกและตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นปัญหา
พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนเก่ง สิ่งที่รัฐบาล คสช.ถูกวิจารณ์มีอยู่จุดเดียว คือไม่มีสิ่งที่จะเรียกได้ว่ายึดโยงกับประชาชน แต่เมื่อไหร่ที่มีตัวแทน ส.ส.ที่มาจากเสียงประชาชนแล้ว ก็จะเดินหน้านโยบายเป็นไปได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา การที่ไม่มีสิ่งที่จะเรียกได้ว่ายึดโยงกับประชาชน นั่นคือจุดอ่อนของรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

⦁หลายนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ คล้ายแจกเงินให้ประชาชน
ผมว่าไม่จริง อย่างการจะสานต่อนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ถูกมองว่าแจกเงิน ความจริงแล้วไม่ใช่ แต่เป็นการเข้าไปดูแลประชาชนที่จำเป็นต้องดูแล ให้ชาวบ้านได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นโยบายรัฐสวัสดิการแห่งรัฐมีหลายอย่างที่เสริมเข้าไปนอกจากการช่วยเหลือด้านการเงิน คือการเปิดโอกาสให้คนที่ไม่มีโอกาส เช่น เปิดให้เข้าสู่การอบรมประกอบอาชีพ มีสถาบันทางการเงินเข้าไปช่วยเหลือ เป็นต้น การดำเนินนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของรัฐบาลปัจจุบัน ปีแรกที่พบว่า 11 ล้านคนมาลงทะเบียนรับบัตรรุ่นแรก มีคนที่มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปีทะลุล้านคน นั่นหมายความว่าเขาได้รับประโยชน์จากการที่เอาสวัสดิการของรัฐไปโอบอุ้ม นโยบายเช่นนี้เป็นการสร้างโอกาสให้คน ไม่ใช่การแจกทุกคนเหมือนในอดีต
ส่วนนโยบายด้านข้าวของพรรค พปชร.เป็นการช่วยเหลือที่ไม่บิดเบือนกลไกการตลาด ซึ่งทำอย่างครบวงจรเพื่อเพิ่มคุณภาพ ลดต้นทุน แต่ไม่กระทบต่อการส่งออก เพราะไม่ถูกแทรกแซงราคา ในด้านข้าวนั้น เราเพิ่มการช่วยเหลือชาวนาในค่าปลูกจาก 12 ไร่ เป็น 20 ไร่ จากไร่ละ 1,500 บาท เป็น 2,000 บาท รวม 20 ไร่ จะเป็นเงิน 40,000 บาท นอกจากนี้จะให้เป็นค่าเก็บและตากป้องกันความชื้น คิดเป็นไร่ละ 1,500 บาท นโยบายเหล่านั้นหากจะเป็นการใช้เงิน ก็คือการใช้เงินเพื่อต่อ ยอดไปสู่กลไกการพัฒนาในระยะยาว

Advertisement

⦁อะไรที่จะทำอย่างเร่งด่วนหากได้เป็นรัฐบาล
สิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ 4-5 ปีที่ผ่านมานั้น รัฐบาลปัจจุบันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง แต่ด้วยความที่เศรษฐกิจโลกป่วนอยู่อย่างทุกวันนี้ เราจึงต้องมีมาตรการที่รัดกุม ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนั้น จำเป็นต้องดูแลภาคเกษตรที่ต้องพึ่งกลไกของตลาดโลก ในฐานะที่ผมเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มาก่อน ผมได้ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อหาวิธีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งวันนี้เรื่องสินค้าการเกษตรเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง เช่น ราคาข้าว มัน ข้าวโพด ผลไม้ แต่บางตัวก็ยังมีปัญหา เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ซึ่งต้องพึ่งพากลไกตลาดโลก การแก้ไขปัญหาต้องเป็นไปในระยะยาว
เราจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยเทคโนโลยีด้วย เช่น ยกระดับร้านค้าโชห่วย ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยนำระบบอีคอมเมิร์ซเข้ามาใช้ หากไม่แก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนก็จะเพิ่มช่องว่างในความยากจนมากขึ้น เราทำมาแล้วในอดีตและหากได้มีโอกาสกลับเข้าไปทำงานอีกเราก็จะทำต่อแน่นอน และรู้ด้วยว่าจะทำอย่างไร เพราะก่อนจะลาออกจากรัฐมนตรี เราก็เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่

⦁คาดหวังจะได้ ส.ส.กี่ที่นั่ง
เมื่ออาสาเข้ามาเป็นพรรคการเมืองที่จะนำพาประเทศ การเลือกตั้งครั้งนี้จึงนับว่าสำคัญมาก เพราะถือเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศไทย เราจึงจะทุ่มเทเต็มความสามารถ เพื่อให้ประชาชนไว้วางใจจนได้คะแนนเสียงมากพอที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราจะเดินหน้าหาเสียงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ตรงตามเป้าหมายที่เตรียมไว้ โดยต้องได้เสียงให้มากพอแล้วร่วมกับพรรคอื่นจัดตั้งรัฐบาล

⦁คาดกันว่าที่สุดแล้ว ส.ว.ที่แต่งตั้งโดย คสช.จะมีส่วนสำคัญโหวต พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ
จุดยืนของพรรค พปชร.คือจะทำอย่างไรให้มีเสียงในสภาล่างมากกว่า 250 ส่วน ส.ว. 250 คนนั้น เป็นกลไกรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของการเลือกนายกฯ ก็ว่าไป แต่หัวใจที่แท้จริงของรัฐบาลคือต้องได้เสียงมากกว่า 250 ซึ่งพรรค พปชร.จะเดินไปยังจุดนั้น แต่จะเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่ผลของการเลือกตั้ง ตอนนี้เร็วไปที่เราจะตอบว่ามันจะเป็นอย่างไร เราจะชนะการเลือกตั้งหรือไม่ หรือเราจะมาเป็นที่ 2 แต่จับมือกับพรรคอื่นจัดตั้งรัฐบาล เหล่านี้เร็วไปที่จะตอบ แต่ด้วยรัฐธรรมนูญแล้วค่อนข้างชัดเจนว่าหลังการจัดตั้งจะไม่มีพรรคการเมืองใดได้คะแนนเสียงมากเบ็ดเสร็จ หัวใจสำคัญคือพรรคที่จะสามารถเป็นแกนนำรวบรวมเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินครึ่งหนึ่ง ส่วนเราจะจับมือกับใครบ้างนั้น เป็นเรื่องของอนาคต เมื่อถึงวันนั้นทุกอย่างก็จะบอกเอง

⦁ดูเหมือนกลไกรัฐธรรมนูญจะเอื้อให้พรรค พปชร.เป็นเจ้าภาพตั้งรัฐบาล
พรรค พปชร.จะได้เป็นเจ้าภาพจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น อยู่ที่ว่าเราจะมี ส.ส.ในสภาเท่าไหร่ พรรคให้ความสำคัญกับการมีเสียงที่เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาล แม้หลายคนจะมองว่ากติกาเหล่านั้นเอื้อต่อพรรคเรา แต่ต้องไม่ลืมว่านั่นเป็นกติกาที่ผ่านความเห็นชอบประชามติจากประชาชนทั่วประเทศ และต้องยอมรับว่าไม่มีกติกาใดกติกาหนึ่งสมบูรณ์ 100% เราเดินตามกติกาด้วยความเคารพในกติกา เรายืนอยู่บนหลักการ ซึ่งต้องมี 250 เสียง จึงจะสามารถตั้งรัฐบาลได้ และถ้าไม่ถึงก็คงเสนอนายกฯไม่ได้ เสียงประชาชนจะเป็นคำตอบ

⦁เป้าหมายคือต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้น หรือเผื่อใจไว้ด้วย
หากประชาชนอยากเห็นพรรค พปชร.ทำหน้าที่ต่อ เราก็จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประชาชนว่าอย่างไร เราว่าอย่างนั้น เราเคารพในหลักการประชาธิปไตย จึงอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน

⦁เหมือนว่าที่แล้วมา พปชร.จะถูกโจมตีอย่างหนัก
จะเห็นว่าตั้งแต่ตั้งพรรคมา เราไม่ได้โจมตีทางการเมืองกับใครเลย เรากลับเป็นพรรคการเมืองที่ถูกโจมตีมากที่สุดพรรคหนึ่ง ซึ่งเราได้ใช้ความอดทน ไม่ตอบโต้ในประเด็นต่างๆ โดยไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งแตกแยก เราปฏิเสธที่จะใช้วาทกรรมสร้างความแตกแยก เราไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้ ไม่เห็นด้วยกับการอ้างคำว่าฝ่ายประชาธิปไตยและไม่ใช่ประชาธิปไตย เพราะมันคือวาทกรรมที่จะนำประเทศกลับสู่จุดเดิม ผมมองว่าในการแข่งขันนั้น ควรจะสู้กันด้วยผลงานและนโยบาย จึงอยากให้ทุกพรรคช่วยกันลดช่องว่างของความขัดแย้ง จึงจะได้ชื่อว่าพรรคการเมืองที่อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาประชาชนอย่างแท้จริง เพราะไม่มีประโยชน์หากชนะการเลือกตั้งแล้วประเทศยังขัดแย้งอยู่เหมือนเดิม ดังนั้น เราจึงไม่โจมตีใคร ดังจะเห็นได้จากการหาเสียงและให้สัมภาษณ์ เราไม่ได้พูดพาดพิงใครเลย แต่พูดในหลักการและแนวทางของเรา มีเพียงการแก้ในเรื่องที่คนทำให้สังคมเข้าใจผิด แต่ไม่ไปรบเร้าสร้างวาทกรรมแบ่งแยกคน

⦁วาทกรรมเผด็จการและประชาธิปไตยกระทบต่อพรรคหรือไม่
คิดว่าประชาชนเข้าใจ และเป็นสิ่งที่พรรคต้องทำความเข้าใจกับประชาชน เมื่อเราต้องการเป็นพรรคการเมืองที่จะให้ประชาชนฝากความหวังได้แล้ว เราก็ต้องพยายามอธิบายให้ประชาชนได้รับทราบ ส่วนยุทธศาสตร์ของพรรคอื่นๆ ที่กลัวว่าเราจะได้เสียงข้างมาก หรือกลัวว่าเราจะครองใจประชาชน ย่อมจะต้องหาวิธีการทำให้เราขาดความชอบธรรม ซึ่งวิธีการของเราและของเขานั้นไม่เหมือนกัน วิธีการของเขาคือแบบนี้ แต่ของเราคือการทำให้ประเทศเดินไปสู่ทางออก

⦁มั่นใจแค่ไหนว่าจะชนะเลือกตั้ง
ผมคิดว่าเราทำงานได้ตามแผนตามยุทธศาสตร์พรรค และยังคงขับเคลื่อนไปตามยุทธศาสตร์ที่ได้วางไว้อยู่ หากยังเดินหน้าตามแผนที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง เรามีโอกาสชนะเลือกตั้ง ได้รับใช้ประชาชน เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล

⦁กระแส พล.อ.ประยุทธ์ จะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ชนะเลือกตั้งหรือไม่
คงตอบอย่างนั้นไม่ได้ แต่ถ้าดูจากผลโพลจะเห็นเองว่าประชาชนอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งเสมอมา นั่นแปลว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไทยให้ความศรัทธาต่อ พล.อ.ประยุทธ์ นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เราต้องไปเรียนเชิญท่านมาเป็นนายกฯ เพราะท่านเป็นคนที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกฯ

⦁นักวิเคราะห์มองว่ารัฐบาลผสมหลังเลือกตั้งจะมีอายุไม่ยืนยาว
การเมืองมีหลายองค์ประกอบที่เกี่ยวกัน คิดว่าจะอยู่สั้นอาจจะได้อยู่ยาว เช่นเดียวกัน คิดว่าจะได้อยู่ยาวอาจอยู่สั้น ผมว่าประชาธิปไตยควรมีความต่อเนื่อง เมื่อมีการเลือกตั้งแล้วก็อยากเห็นรัฐบาลอยู่ยาว เพราะยิ่งอยู่สั้นเท่าไหร่จะยิ่งกระทบการบริหารประเทศมากเท่านั้น จะเห็นว่าหลายประเทศเพื่อนบ้านเราเดินหน้าได้ดีเพราะมีความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบาย ของเรามีจุดอ่อนในการขาดความต่อเนื่อง ดังนั้น หัวใจสำคัญของการเมืองคือความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบาย ทำให้ประเทศเข้มแข็ง

⦁อยากบอกอะไรกับคนไทยทั้งประเทศบ้าง
อยากให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการเลือก ส.ส.ซึ่งเราจำเป็นต้องเรียนรู้ในบทเรียนของประเทศ โดยต้องมองไปข้างหน้าให้ไกล เลือกพรรคและบุคลากรที่จะสร้างความมั่นใจให้ประเทศไทย การเลือกตั้งครั้งนี้ในบัตร 1 ใบ ประชาชนต้องพิจารณาถึง 3 อย่าง 1.ตัวผู้สมัครที่ไว้วางใจมากที่สุด 2.พรรคการเมืองที่จะไม่นำประเทศไปสู่ทางตัน 3.เลือกนายกรัฐมนตรี โดยทั้งหมดนี้จะกาด้วยบัตรใบเดียว ประชาชนจำเป็นต้องคิด ถ่วงน้ำหนักให้ดี

จตุรงค์ ปทุมานนท์
อนุชา ทองเติม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image