เมื่อวันที่ 3 มีนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรค, นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค, ทีมผู้สมัครระบบเขต จ.ฉะเชิงเทรา ได้แก่ นายณัชพล ตันเจริญ, นายธราพงษ์ จั่นแก้ว, นายจักรวาล ท้วมเจริญ และทีมผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ อาทิ นายพิชิตชัย รัชตามพร, นายณัฐพล จรัสสุรยพงษ์ เข้าสักการะขอพร ที่วัดเล่งอกอี้ ก่อนลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ บริเวณตลาดทรัพย์สินฯ, ตลาดสด, ตลาดบ่อบัว, ตลาดบ้านใหม่ จ.ฉะเชิงเทรา มีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า นโยบายพรรคภูมิใจไทยชัดเจนที่จะแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศชาติ ในส่วนของฉะเชิงเทรา ผู้สมัครก็เป็นลูกหลานคนแปดริ้ว นอกจากจะมีประสบการณ์ทางการเมืองมากมาย มีความรู้ความสามารถแล้ว บรรพบุรุษ ปู่ พ่อ และอา ก็เป็นนักการเมืองโดยแท้ ที่สำคัญจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นหนึ่งในจังหวัดเขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ EEC การพัฒนาให้ทัดเทียมกับชลบุรีและระยองจึงจำเป็น และจำเป็นต้องมีนักการเมืองมีฝีมือ ในการส่งเสริมการลงทุน ส่งสริมชีวิตความเป็นอยู่ของชาวฉะเชิงเทราให้ดีที่สดทุกๆด้าน นี่คือนโยบายของภูมิใจไทย และฉะเชิงเทราจะต้องมีนักการเมืองเป็นรุ่นใหม่ มีความรู้ พื้นฐานและประสบการณ์ที่ดี ที่รู้ระบบการเมือง ระบบการบริหารราชการแผ่นดิน จะทำให้การขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทราให้ก้าวหน้ารุ่งเรืองยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวถาม นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ช่วยลูกพรรคหาเสียง กังวลหรือไม่นายอนุทิน ชาญวีรกูล ตอบว่า การรณรงค์หาเสียงแข่งกันที่นโยบาย และเป็นนโยบายที่ไม่แพ้พรรคการเมืองอื่นแน่นอน ที่สำคัญคือ เป็นนโยบายที่ต้องการแก้ไขปัญหาช่วยเหลือเรื่องปากท้องประชาชน
“พรรคการเมืองเค้าเพิ่งฟอร์มขึ้นมาใหม่ เราก็ต่อให้เขาบ้าง..จะเป็นไรไป..ก็ดีเสียอีกเพราะใครจะมาทำงานให้กับบ้านเมือง ก็ต้องกล้าที่จะออกมาพบกับพี่น้องประชาชน เป็นสิ่งที่ดี..เห็นด้วย ควรสนับสนุนและให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรี ได้ลงมาสัมผัสกับพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด..แต่เดินคนเดียวนะครับ..ไม่มีใครทำร้ายท่านหรอกครับ..เดินคนเดียวจะเป็นกำลังใจให้ท่านนายกรัฐมนตรี..พรรคการเมืองคงมีกลยุทธในการหาเสียงทั้งนั้นคงไม่มีเวลาคิดถึงพรรคการเมืองอื่นมากเท่าไหร่”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การขึ้นเวทีดีเบตกังวลหรือไม่เพราะชอบถามเรืองการเมืองทั้งนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล ตอบว่า ไม่กังวลแต่โกรธเพราะถามแต่เรื่องการเมือง ไม่ถามแต่ละพรรคการเมืองว่าเรื่องปากท้องพี่น้องประชาชนที่เป็นอยู่แบบนี้จะแก้ไขอย่างไร น่าเวทนาด้วยเพราะการนำผู้บริหารระดับบ้านเมืองมาโต้เถียงกัน มาแสดงความเห็นขัดแย้งกันต่อหน้าสาธารณะชน นี่คือเหตุที่ไม่ต้องการไปดีเบต เพราะทุกคนก็มีอารมณ์จากการพูด การยั่วยุต่างๆเหล่านี้ สิ่งที่ดีที่สุดคือ เดินลงไปหาพี่น้องประชาชนจะดีกว่า พูดกันเองระหว่างหัวหน้าพรรคทั้ง 7 คน ฟังแล้วไม่เกิดประโยชน์กับประชาชนหรือบ้านเมือง ระบบการสื่อสารขณะนี้ไม่ต้องไปนำเอาหัวหน้าพรรคมายืนหน้าจอพูดอย่างนั้น อย่างนี้ ในเวปไซด์ มีแผ่นพับ มีนโยบาย ทุกการสื่อสารมีหมด น่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าการดีเบต แล้วให้ประชาชนตัดสินใจว่า จะเลือกใคร
นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวต่อว่า พรรคภูมิใจไทยสนับสนุนการปลูกกัญชาครัวเรือนละ 6 ต้น กัญชามีสรรพคุณทางการแพทย์และรักษาโรคได้มากมาย แต่เราต้องใช้อย่างถูกวิธีและไม่ผิดกฎหมาย ทราบว่าตอนนี้ ร่าง พ.ร.บ.กัญชาของรัฐบาลโดยผ่าน สนช.แล้ว ก็จริง แต่ไม่ครอบคลุมถึงพี่น้องปะชาชน ครอบคลุมแค่องค์กรและกลุ่มทุนเท่านั้น แต่พรรคภูมิใจไทยจะต่อยอดให้พี่น้องประชาชนได้เข้าถึงด้วยเพราะจะได้ไม่เป็นเบี้ยล่างของกลุ่มนายทุน คือจะต้องหยุดการจดสิทธิบัตร จดลิขสิทธิ์ที่เป็นการเอาเปรียบพี่น้องประชาชาวไทย ทั้งจากในและต่างประเทศ พรรคภูมิใจไทยจึงถูกมองว่า เป็นพรรคตาเยิ้ม ตาหวาน พรรคยิ้มเพราะพยายามผลักดันเรื่องกัญชาให้เข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง แต่จะยิ้มที่ประชาชนที่จะได้เข้าถึงและมีโอกาสหมดหนี้ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
