เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ผศ.ดร.บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีแผนจะร่วมปราศรัยกับพรรคพลังประชารัฐ ว่า นับเป็นเรื่องดีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐจะลงพื้นที่หาเสียงหรือปราศรัย เพราะจะทำให้ทุกอย่างเข้าสู่ระบบการเมืองแบบประชาธิปไตย กล่าวคือ เข้าสู่การเมืองแบบพลเรือนจากการเลือกตั้ง ดังนั้น อย่างน้อยที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ควรจะได้เรียนรู้กระบวนการของการเป็นผู้นำในระบอบประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ และยังเป็นผลบวกกับพรรคพลังประชารัฐ สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน
“เป็นธรรมชาติของระบบการเมืองประชาธิปไตยที่ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯจะต้องออกไปแสดงตัวและทำพันธสัญญากับประชาชนว่าจะทำอะไรเพื่อประชาชนและสังคมเมื่อได้อยู่ในตำแหน่ง ดังนั้น การที่ พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่จะทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์พร้อมจะเป็นนายกฯจริงๆ และมีศักยภาพที่จะเป็น นอกจากนี้ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับฐานเสียงของพรรคพลังประชารัฐได้อีกด้วย”
ส่วนข้อที่ต้องระมัดระวังในการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ผศ.ดร.บัณฑิตกล่าวว่า ไม่น่ามีอะไรต้องกังวล เพราะ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เมื่อเดินทางไปที่ไหนก็จะมีคนดูแลอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควรจะควบ 3 ตำแหน่ง หากลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เพื่อเป็นรักษาการนายกฯจะเหมาะสมและสง่างามกว่า ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ควรพิจารณาลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า คสช.เพื่อทำให้การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่รัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ เพราะปัจจุบันยังไม่มีสัญญาณว่าพรรคพลังประชารัฐจะพ่ายแพ้ หรือไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
“พรรคพลังประชารัฐได้เปรียบตั้งแต่อดีต 4 รัฐมนตรีจากรัฐบาล คสช.มาร่วมลงพื้นที่หาเสียง ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่าจะทำให้พรรคพลังประชารัฐมีพื้นที่การหาเสียงมากกว่าพรรคอื่น ขณะเดียวกันยังเป็นช่องทางที่ทำให้ประชาชนได้เห็นการทำสัญญาประชาคมว่าพรรคพลังประชารัฐที่กำลังจะมาเป็นรัฐบาลต่อไปในอนาคตจะทำนโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์กับพื้นที่และประชาชนด้วย นับเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ซึ่งต้องว่าไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย” ผศ.ดร.บัณฑิตกล่าว
