เป้าหมายที่พรรคพลังประชารัฐวางไว้ 50,000 คนที่ตลาดเซฟวัน รับการขึ้นเวทีปราศรัยครั้งแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใน วันที่ 10 มีนาคม ถือว่าน้อยมาก
จำได้หรือไม่ว่าครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปปรากฏตัวที่ช้างอารีนา บุรีรัมย์
มีเสียงเปล่ง”ลุงตู่สู้ๆ ลุงตู่สู้ๆ”ดังมาจากจาก 30,000 คน
นั่นเฉพาะบารมีของพรรคภูมิใจไทยเพียงบุรีรัมย์จังหวัดเดียว หากเป็นพลานุภาพของพรรคพลังประชารัฐปริมาณจะต้องมากกว่า 50,000 คนอย่างแน่นอน
ทุกอย่างจึงล้วนดำเนินไปในท่วงทำนองแบบ “ช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง”
เผลอๆอาจทะลุไปถึงหลัก 100,000 ขึ้น
เป้าหมายของพรรคพลังประชารัฐอันเคยสำแดงผ่าน”กลุ่มสามมิตร”เด่นชัดอย่างยิ่งว่า ต้องการใช้ “พลังดูด”สลายความแข็งแกร่ง ของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคอีสาน
และหากเป็นภาคอีสานก็ต้องเริ่มต้นจาก”โคราช”เพราะมีพื้นที่รวมแล้ว 14 เขต
วันที่ 10 มีนาคม จึงเท่ากับตัดไม้ข่ม”เพื่อไทย”
กระนั้น หากมองไปยังพื้นที่ 14 เขตของนครราชสีมาก็มิได้มีแต่เพียงพรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่จะต้องอ่อนระเนนเอนราบไปพับพละกำลังของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หากอย่าลืมเป็นอันขาดว่า นครราชสีมา คือจังหวัดแจ้งเกิดของ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กับพรรคปวงชนชาวไทย
วันนี้พรรคชาติพัฒนาก็ประกาศปักธงที่”โคราช”
ยิ่งกว่านั้น พรรคภูมิใจไทยก็มีความมุ่งมั่นเป็นอย่างสูงกระทั่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล มาสร้างบ้านหลังใหญ่อยู่ในพื้นที่นครราชสีมา
เพื่อไทย ภูมิใจไทย ชาติพัฒนา จึงย่อมหวั่นไหว
คำประกาศจาก”พลังโคราช”ของพรรคพลังประชารัฐที่วางเป้าระดมมวลชนกว่า 50,000 คนจึงไม่เพียงเพื่อต้อนรับ พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา
ไม่ใช่เพียงเพื่อยืนยันให้ประจักษ์กับ”พลังโคราช”
หากแต่เพื่อทำ”สงคราม”สั่งสอนไปยัง พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติพัฒนา อย่างชนิดตีกลางแสกหน้า
ผลเป็นเช่นไร คำตอบสัมผัสได้ในวันที่ 10 มีนาคม
