เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 26 มกราคม ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุม วาระพิจารณาทบทวนตรวจสอบความถูกต้องของถ้อยคำและความเชื่อมโยงในแต่ละมาตราให้มีความสมบูรณ์ก่อนที่จะเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกในวันที่ 29 มกราคม โดยนายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษก กรธ.กล่าวว่า การประชุม กรธ.วันนี้จะพิจารณาถ้อยคำในหมวดต่างๆ ที่ตกค้างเสร็จและคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาบทเฉพาะกาลได้ และน่าจะพิจารณาบทเฉพาะกาลและทุกมาตราได้เสร็จในวันที่ 27 มกราคมนี้ จากนั้นวันที่ 28 มกราคม กรธ.จะประชุมเพื่อแก้ไขเนื้อหาในแต่ละหมวดเป็นครั้งสุดท้ายก่อน โดยเปิดให้กรรมการได้ขอแก้ไขในวันดังกล่าวเพื่อให้ได้ร่างฉบับสมบูรณ์
โดยวันที่ 29 มกราคม นายมีชัยจะแถลงสรุปภาพรวมสาระสำคัญของร่างแรกฉบับสมบูรณ์ ส่วนวันที่ 3 กุมภาพันธ์ กรธ.ทั้งคณะจะเข้าไปรับฟังความเห็นของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท.ในห้องประชุมรัฐสภา โดย กรธ.จะไม่ใช้สิทธิชี้แจงหรือตอบโต้แต่อย่างใดถ้าไม่มีการแสดงความเห็นที่บิดเบือน เพราะการเข้ารับฟัง สนช. สปท. จะไม่ใช่เวทีที่จะมาโต้เถียงกัน แต่ กรธ.จะเข้าไปฟังโดยยึดหลักอุเบกขา
เมื่อถามว่า นักการเมืองหยิบยกอำนาจศาลรัฐธรรมนูญมาโจมตีให้ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ นายอมรกล่าวว่า กรธ.ไม่ได้เพิ่มอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ แต่ได้นำมาตรา 7 เดิมไปไว้ในหมวดของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความชัดเจน และไม่คิดว่าจะเป็นเหตุผลจะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ โดยส่วนตัวเชื่อว่าถ้ามีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประชามติถึงร้อยละ 80 ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็จะผ่านประชามติ แต่ถ้ามาใช้สิทธิร้อยละ 70 ก็เชื่อว่าจะผ่านแบบรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ที่ผ่านแบบเสียงปริ่มน้ำ
เมื่อถามว่า นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตสมาชิก สปช.ระบุหากไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ให้ชัดเจนในเรื่องหลักเกณฑ์ออกเสียงประชามติอาจทำให้ร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำในชั้นประชามติ นายอมรกล่าวว่า เสียงชี้ขาดจะใช้เสียงข้างมากของประชาชนผู้มาใช้สิทธิออกเสียง ไม่ใช่ยึดจากเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งประเทศ แต่ถ้าร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำในชั้นประชามติก็เป็นไปได้ที่จะได้รัฐธรรมนูญ ฉบับ คสช.มาใช้ ซึ่งเราก็จะไม่ทราบเนื้อหาเลยว่า คสช.ได้ร่างไว้อย่างไร ดังนั้น ร่างรัฐธรรมนูญที่ กรธ.ยกร่างไว้นั้นไม่ดีตรงไหน
