สถานีคิดเลขที่ 12 : ฮุนเซนโมเดล

ขึ้นต้นบทความชิ้นนี้ที่เขียนไว้ช่วงเช้าวันศุกร์ว่า
แถลงการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ แสดงท่าทีต่อการยุบพรรคไทยรักษาชาติ
อาทิ
“การใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมืองตลอดกว่าทศวรรษ ไม่ได้ช่วยให้ความขัดแย้งทางการเมืองลดลง
แต่กลับทำให้ระบบการตรวจสอบการใช้อำนาจถูกตั้งคำถาม…
…นำมาซึ่งการแตกขั้วทางการเมืองจนถึงที่สุด จนสังคมไทยไม่อาจหาฉันทามติได้..”

นำมาสู่ การย้ำจุดยืน
“พรรคอนาคตใหม่เห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เพื่อออกแบบความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันการเมืองต่างๆ ให้ได้ดุลยภาพ
เคารพเสียงข้างมากพร้อมกับคุ้มครองเสียงข้างน้อย
…ไม่ตกเป็น ‘เครื่องมือ’ ในการกวาดล้างทางการเมือง
อนาคตใหม่ขอเรียกร้องให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิออกเสียงในการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 เพื่อต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.
พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้ระบอบเผด็จการได้วางกลไกการสืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญและกฎหมายไว้ แต่ก็ไม่อาจต้านทานอำนาจของประชาชนได้
24 มีนาคม 2562 จับปากกาฆ่าเผด็จการ
เริ่มต้นยุติวงจรรัฐประหาร เปิดฉากการเมืองแบบใหม่ที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน”

ห้าวเป้ง ตามสไตล์ คนหนุ่มสาว
เขย่าองค์กรอนุรักษนิยมแบบไม่เกรงใจ
กองเชียร์ซี้ดปาก
แต่ฝ่ายไม่ชอบถล่มยับเยิน
จับอุณหภูมิได้ว่าใน 2 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งคงเดือด

คู่แข่งซึ่งนอกจากพัลวัน ลบภาพดุดัน “ลุงตู่” ให้นุ่มนวลลงแล้ว
ต้องทำลายคำขวัญ “จับปากกาฆ่าเผด็จการ” ลงโดยด่วนด้วย
เพราะหากเป็นไวรัลที่ระบาดได้อย่างรวดเร็วในโลกโซเชียลแล้วอันตรายยิ่ง
โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ ที่ดูจะมีเคมีเข้ากันกับ “จับปากกาฆ่าเผด็จการ” ได้ลงตัวยิ่ง

Advertisement

แล้วฝ่ายตรงข้ามจะใช้อะไรสกัด
ดูแล้วก็คงย้อนเกล็ดในสิ่งที่แสดงออกในแถลงการณ์นั่นแหละ
คือ มุ่งชี้ความเป็นพรรคการเมืองอันตราย
โดยเฉพาะทรรศนะที่มีต่อองค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญ
ซึ่งหากเราสังเกตจะเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญพิถีพิถันการใช้ถ้อยคำอย่างยิ่ง เพื่อแสดงให้เห็นว่า “ไทยรักษาชาติ” ผิดร้ายแรงปานใด จึงต้องเจอการลงโทษยุบพรรค
เชื่อว่าถ้อยคำอย่างคำว่า “บั่นเซาะ” “(ทำให้)เสื่อมทราม” ฯลฯ จะถูกฝ่ายตรงข้ามพรรคอนาคตใหม่ นำมาขยายผล
และชี้ให้เห็นว่า การที่พรรคอนาคตใหม่ออกมาคัดค้านการยุบพรรคไทยรักษาชาติอย่างรวดเร็ว
มีเป้าหมายแอบแฝงอะไรบางอย่างอยู่
เป็นบางอย่างที่ “อันตราย” จนไม่อาจจะยอมให้พรรคอนาคตใหม่มีที่ยืนในสนามการเมืองได้
นี่จึงเป็นเหมือนทุ่นระเบิด ที่คงมีการระดมพลวางไว้ตลอดทาง เพื่อให้พรรคอนาคตใหม่เหยียบ
ชวนให้ระทึกใจ!

เตรียมจะจบบทความด้วยประโยคข้างต้นนี้
แต่แล้วช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 8 มีนาคม สิ่งที่ “คาดหมาย” ไว้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด
แถมคนที่ออกโรง คือ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)” เองด้วย
โดยฝ่ายกฎหมาย คสช.แจ้งความต่อ กก.3 บก.ปอท. ให้เอาผิดพรรคอนาคตใหม่
ที่เผยแพร่แถลงการณ์เรื่องยุบพรรคไทยรักษาชาติ มีเนื้อหาพาดพิง คสช.และศาลรัฐธรรมนูญ
ขณะเดียวกันยังมีผู้ไปยื่นหนังสือต่อ กกต. ย้ำให้ยุบพรรคอนาคตใหม่อีกคดี
ฐานใช้วาทกรรมว่าจะสานต่อภารกิจของคณะราษฎร 2475

ส่วนที่จังหวัดเลยเปลี่ยนเป้าจากยุบอนาคตใหม่เป็นยุบเพื่อไทย
เหตุ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ปราศรัยหลอกลวงให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือพรรค
วันเดียว 3 กรณี ทำให้ปม “ยุบพรรค” เป็นกับระเบิด ที่วางไว้ให้กลุ่มพรรคที่อยู่ตรงข้ามฝั่งรัฐบาลและ คสช.พลาดไปเหยียบเข้า
วิธีการสังหารคู่แข่ง ด้วยการยุบพรรคนี้
สมเด็จ “ฮุนเซน” เห็นคงหัวเราะร่า
“ตูทำมาก่อน”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image