8 พรรคการเมืองร่วมดีเบตเดือด งัดเหตุผล ปชช.ต้องเข้าคูหากาบัตรให้

8 พรรคการเมืองร่วมดีเบต ยกเหตุผลที่ประชาชนต้องเข้าคูหากาบัตรให้ ชูแก้ ศก.นำ “เสี่ยหนู” ยันใช้ประสบการณ์จาก รบ.ทรงอำนาจที่สุดหาทางออกให้ ปท. ด้าน “มิ่งขวัญ” อ้อนถอดหัวใจช่วยแก้จน ขณะที่ฝั่ง ปชต. อนค.-พท.ย้ำพรรคไม่สัญญาแบบลุงๆ ยันต้องทำให้ทุกคนมีอำนาจเท่ากัน

เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 10 มีนาคม ที่ Thailand E-Sports Arena เดอะ สตรีท รัชดา ชั้น 5 น. THE STANDARD DEBATE จัดดีเบตมิติใหม่ ใช้เทคโนโลยีถ่ายทอดสด E-Sport โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคเพื่อไทย (พท.), นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.), นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ พรรคชาติพัฒนา (ชพน.), นายวราวุธ ศิลปอาชา พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.), พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส พรรคเสรีรวมไทย, นายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ พรรคเศรษฐกิจใหม่ เข้าร่วม

นายสุวัจน์ กล่าวถึงเหตุผลที่ประชาชนต้องเลือกพรรค ชพน.ว่า พรรค ชพน. มีความมุ่งมั่นอย่างมากที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง ซึ่งเราพบว่าขณะนี้พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาความขัดแย้ง พรรค ชพน.มีประสบการณ์มาในยุคที่ พล.อ.ชาติชายเป็นนายกฯ หรือที่เรียกว่า เศรษฐกิจยุคทอง เราได้จัดทำนโยบายในการแก้ไขปัญหา ซึ่งวันนี้นโยบายที่เราจะนำกลับมาคือนโยบายในเรื่องของการศึกษา เราต้องให้ทุกคนได้เรียนรู้ 2 ภาษา เพื่อการลงทุน การท่องเที่ยว และการเข้าหาเทคโนโลยี และยังมีนโยบายที่ต้องปรับปรุงราคาพืชผลทางการเกษตร โดยให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ มีกองทุนเพื่อสร้างธุรกิจเอสเอ็มอี และแนวคิดของคนรุ่นใหม่ จะมีการพัฒนาระบบคมนาคมทั้งรถไฟ ทางด่วย ขนส่งมวลชน เชื่อทุกภูมิภาคในประเทศ

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงเหตุผลที่ประชาชนต้องเลือกพรรค พท. ว่า เศรษฐกิจแย่คนแก้ต้องเพื่อไทย 4-5 ปีมานี้เศรษฐกิจหนักมาก คนตัวเล็กๆ ไปไม่รอด เราจะทำอย่างไรที่จะเพิ่มพลังให้กับคนตัวเล็ก วันนี้ต้องเพิ่มกำลังซื้อ และเราสามารถว่าเราจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กระเตื้องได้ภายใน 6 เดือน และเราสัญญาเป็นสัญญา เราจะไม่ให้คำสัญญาอะไรแบบลุงๆ แน่นอน และทุกครั้งที่เราได้กลับมา เราทำได้ทุกครั้ง เราจะเริ่มจากการปรับหนี้ จากนั้นเติมเงิน เราต้องลดภาษี และปรับฐานเศรษฐกิจ ดังนั้น วันนี้ต้องเอาลุงคืนไป และเอาเงินในกระเป๋าของเราคืนมา การแสวงหาพลังงานทดแทน และสิ่งแวดล้อม ต่อมาคือการเน้นนโยบายเรื่องการท่องเที่ยว 5 ปีข้างหน้า นักท่องเที่ยวต้อง 65 ล้านคน มีรายได้จาการท่องเที่ยว 25% ของจีดีพี นอกจากนี้ เรายังมีนโยบายที่ต้องการกระจายอำนาจ และสร้างการกีฬาเพื่อให้รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รวมถึงสามัคคีในการแก้ไขปัญหาประเทศด้วย

Advertisement

นายธนาธร กล่าวถึงเหตุผลที่ประชาชนต้องเลือก อนค. ว่า อนค.คือพรรคที่รวมคนที่ฝันอยากเห็นประเทศดีกว่านี้ ไม่ทนกับความอยุติธรรม นี่คือเวลาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมในสังคม ผู้นำกองทัพที่เป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตย วันนี้ประเทศไทยต้องเปลี่ยน 24 มีนาคมนี้ใช้โอกาสของเรา ไม่ว่าลุงคนไหนก็มีอำนาจเท่าเราใช้อำนาจที่มีแล้วเดินหน้าไปด้วยกัน

นายอนุทิน กล่าวถึงเหตุผลที่ประชาชนต้องเลือก ภท. ว่า ตนเคยทำงานในรัฐบาลที่มีอำนาจมากที่สุด โดยใช้ประสบการณ์ มองโลกในแง่ดี ซึ่งตนเขียนหนังสือ ชื่อ มีรูมีหนู ทำให้ไม่เคยเห็นทางตันรู้ว่า มีทางออกเสมอ รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งตนไม่มีศัตรู และเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีความไม่ชอบ แต่จะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของประเทศ เราย่ำอยู่กับที่ 10 กว่าปีที่ผ่านซึ่งใครทนได้ก็บ้าแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันเราไม่มีผลประโยชน์มีแต่การเชื่อมประสาน นำพาประเทศไทยก้าวหน้าต่อไป สอดคล้องกับคลิปวิดีโอการขึ้นบินที่ประกอบการบรรยาย ว่า อย่าหัวทิ่ม ขึ้นไปได้เรื่อยๆ ทุกอย่างมีทางออก

นายมิ่งขวัญ กล่าวถึงเหตุผลที่ประชาชนต้องเลือกพรรคเศรษฐกิจใหม่ ว่า คนจนมากขึ้น ก็ต้องหาเงินเข้าประเทศ วันนี้ตนถอดหัวใจออกมาพูด ซึ่งแฮชแท็ก #ลุงมิ่ง ที่ดังข้ามคืน ขอยืนยันว่าลุงมิ่งใจดีแน่นอน โดยวันนี้จะมาเสนอนโยบายทำให้ประเทศไทยเป็นสินค้าปลอดภาษี ให้กรุงเทพเป็นสตรีทฟู้ด ให้ความคึกคักปากคลองตลาดคืนกลับมา เพิ่มรายได้ขายออนไลน์ ส่งเสริมการลงทุนเข้าประเทศ เปิดเสรีทางการค้า แก้ไขการประมง ทำให้อุตสาหรรมบันเทิงไทยสามารถแข่งขันได้ทั่วโลก เพิ่มจีดีพีจาก 15 ล้านล้าน เป็น 30 ล้านล้านต่อปี

Advertisement

เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกไม่ต่ำกว่า 8 ล้านคน คิดว่าพลังของคนรุ่นใหม่มีความสำคัญอย่างไรกับการเมืองไทย และพรรคการเมืองมีนโยบายเพื่อคนกลุ่มนี้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนพบว่า คนรุ่นใหม่ตื่นตัวกับการเมือง ซึ่งพรรคให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่ และมั่นใจว่าจากนี้ไปต้องให้คนรุ่นใหม่กำหนดอนาคต ทำให้เราสามารถต่อรองกับประชาคมโลกได้อย่างภาคภูมิ โดยพรรคได้ออกนโยบายมารองรับคนรุ่นใหม่ พยายามที่จะแก้กฎหมายต่างๆ เพื่อทลายข้อจำกัดและเตรียมไว้สำหรับคนรุ่นใหม่

ด้านนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคสนับสนุนคนรุ่นใหม่มาทุกยุคสมัย ถ้าไม่อย่างนั้นพรรคคงไม่อยู่มาถึงวันนี้ เราต้องหาคนใหม่มาสืบสานอุดมการณ์ วันนี้เรามีนิวเดมช่วยขับเคลื่อนในช่วงที่เราเป็นรัฐบาล ได้สนับสนุนเราเคยสนับสนุนเด็ก นักศึกษา ให้มีส่วนร่วมโดยตั้งสภาเด็ก ซึ่งคนเหล่านี้กำลังเติบโตมาเพื่อพัฒนาสังคม ขณะเดียวกันพรรคก็ได้ผลักดันนโยบายที่คนรุ่นใหม่สนใจ เช่น LGBT การเกณฑ์ทหาร กัญชา ที่มีความก้าวหน้าแต่ทำให้คนรุ่นก่อนๆ ยอมรับได้ ขณะเดียวกันคนรุ่นใหม่ต้องการเสรีภาพ ที่มากับระบอบประชาธิปไตย ยืนยันการมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของประเทศโดยไม่ถูกจำกัดต้องมีเสรีภาพ ที่ต้องไม่โดนจำกัด ด้วย อาทิ พ.ร.บ.ไซเบอร์ ต้องมีการแก้ไข นำเทคโนโลยีมาส่งเสริมการทำมาหากินของประชาชน

นายวราวุธ ตอบคำถามในหมวดเกษตกรรม ซึ่งมีคำถามว่า “จะทำอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหาผลผลิตเกษตรกรตกต่ำ” ว่า เวลาเราผลิตก็ต่างคนต่างผลิต ไม่เคยสนใจเลือกตลาดในตลาดโลกนั้นเป็นอย่างไร วันนี้เราต้องมาดูแล้วว่าตลาดต้องการอะไรและเท่าไหร่ วันนี้เราพูดถึงเพียงการผลิต แต่เราไม่พูดถึงเทคโนโลยีแบบชาวบ้าน ปราชญ์ชาวบ้าน ถ้าเรามาดูเรื่องนี้ก็ต้องไม่มีปัญหาเรื่องการผลิต ทั้งนี้หลัง 24 มีนาคมแล้ว เราอย่าเพิ่งมาตั้งเงื่อนไขอะไร พรรคเราเป็นมาหมดแล้วทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน แค่เรามาเอานโยบายของเราไปบริหารในรัฐสภา แต่ถ้าเมื่อเขาเสียงครบแล้วเราก็สามารถเป็นฝ่ายค้านได้

ด้านนายอนุทิน ซึ่งเป็นคู่ดีเบต กล่าวว่า ภท.ให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่มาก มั่นใจว่าประเทศไทยต้องให้คนรุ่นใหม่มีความสำคัญในการเลือกตั้ง คนรุ่นใหม่อาจจะเข้าใจมาว่า ประชาธิปไตยแบบไทยๆเขารับไม่ได้ แต่เข้าสามารถค้นหาจากอินเตอร์เน็ตได้ ตนได้พูดคุยกันคนรุ่มใหม่แล้วเห็นถึงความตื่นตัวของเขา พรรคเราจึงมีนโยบายที่มารองรับคนรุ่นใหม่ได้มีอาชีพ พรรคเราเตรียมให้คนรุ่นใหม่ที่จะทลายข้อจำกัดของรัฐ

“พรรคเราเห็นว่าการที่จะใช้งบของรัฐมาอุ้มประชาชนมันเป็นเพียงการแก้ปัญหาชั่วคราว การทำวงจรผลิต คือ ผู้ผลิต ผู้ค้า ต้องได้กำไรไปด้วยกัน เพราะที่ผ่านมาเราเห็นแต่ผู้ที่ได้กำไรเป็นผู้ค้ามากว่าผู้ผลิต เราจึงมีนโยบายแบ่งปันผลผลิตให้มาพูดคุยและกำหนดทิศทางร่วมกันทั้งผู้ผลิตและผู้ค้า อย่างไรก็ตาม เราต้องให้ผู้ซื้อและผู้ขายอยู่ร่วมกันได้ อย่าให้ประชาคมโลกต่างๆ มากดดันไทยเรา ทำให้ไทยไม่สามารถส่งออกได้ ตนเอาอาหารทะเลมาเลี้ยงอาหารกลางวันนักเรียน” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินยังกล่าวถึงจุดยืนหลังการเลือกตั้งว่าว่า การที่พรรคอย่างตนมีสภาวะเป็นพรรคแบบกลางคนจะมองว่าเป็นพรรคตัวแปร นั่นเป็นแค่คำกล่าวหาที่เขามีกับพรรคเรา แต่จุดยืนเรามันชันเจนอยู่แล้วว่า ที่มาของนายกฯจะต้องเป็นคนที่เป็นส.ส. ตัวแทนของปวงชนชาวไทยเท่านั้นที่จะเป็นนายกฯ

จากนั้น นายมิ่งขวัญ แสดงทัศนะในหมวดเศรษฐกิจ ว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่า 5 ปีกว่าที่ผ่านมา เราได้รัฐบาลในรูปแบบใหม่ที่แก้ปัญหาเศราฐกิจไม่ได้ วันนี้จึงจำเป็นต้องบอกว่า พอแล้ว หมดเวลาแล้ว เพราะให้เวลามานานแล้ว วันนี้เราต้องทำประเทศไทยให้เป็นประเทศปลอดภาษี และต้องเปิดตลาดการเงินเสรีเป็นครั้งแรกในประสัติศาสตร์ เราต้องทำบันเทิงไทยให้เป็นบันเทิงโลก และดอกเบี้ยเงินกู้ เงินฝากต้อง 3% ทั้งระบบด้วย ทั้งนี้ พรรคตนยืนอยู่ข้างประชาธิปไตยแน่นอน

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ แสดงทัศนะในหมวดความมั่นคง ว่า ส่วนตัวคิดว่าทหารอาชีพที่มาช่วยเหลือเป็นรั้วของชาติเราชื่นชม แต่เรารังเกียจทหารที่เกษียณแล้วมายึดอำนาจประชาชน วันนี้เรื่องปฏิรูปกองทัพเป็นเรื่องที่ต้องมองถึงศักยภาพของกองทัพ เพราะวันนี้โลกเปลี่ยนแล้ว ถ้ามีสงคราม ไม่มีการเข็นรถถังออกมาแล้ว แต่เรากลับเสียงบประมาณซื้อรถถังจำนวนมาก เรามองว่าต้องเป็นสมาร์ทกองทัพ ส่งเสริมให้คนในกองทัพเก่งในเรื่องของเทคโนโลยี และต้องเพิ่มราได้ให้ทหารที่ออกไปสู้รบเป็นแนวหน้า ส่วนการเกณฑ์ทหาร เราควรให้เขาเข้าไปเป็นทหารอย่างเต็มใจ และขอชวนให้ทหารมาจับมือกับพวกเรา ของบ 10% เปลี่ยนค่ายเป็นแคมป์สร้างคนรุ่นใหม่ สร้างผู้ประกอบการณ์รุ่นใหม่ดีกว่าไหม เราชวนกันดีๆ ชวนกันมาช่วยคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ จุดในการร่วมรัฐบาลของตนชัดเจนคือ เอาลุงคืนไป เอาเงินในกระเป๋าของเราคืนมา

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวเมื่อถูกถามว่า จะสลัดคราบเงาของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้อย่างไร ว่า พรรคพท. ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย (ทรท.) เราไม่เคยขายตัวบุคคลเลย เราเป็นพรรคแรกๆที่คิดเรื่องนโยบาย แล้วเอานโยบายมาสู้กัน นายทักษิณเป็นคนตั้งไทยรักไทยและใช้นโยบายเป็นแนวคิดในการหาเสียงแทนการใช้วาทกรรมในการหาเสียง เราคิดว่าจะทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีมีสุข ซึ่งเรามองเว่าเป็นสิ่งสำคัญ แนวคิดที่นายทักษิณก่อตั้งนี้ทำให้พรรคเราอยู่ในใจคนไม่ใช่เพราะใช้วาทกรรม แต่เป็นเพราะเราสามารถทำตามนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชนได้ และพรรคพท.กลับมาครั้งไหนก็แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ทุกครั้ง ทั้งนี้ วันนี้นายทักษิณมายุ่งเกี่ยวอะไรกับเราไม่ได้ แต่แนวคิด ปรัชญา และวิธีการต่างหากที่เรายึดถือและนำมาปฏิบัติ เพราะถ้าเราทำไม่ได้ ก็คงไม่มีใครคิดถึงพรรคพท.หรอก

เมื่อถามว่า ที่ว่าพรรคนี้รวมกับพรรคไหนก็ได้เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาลจริงหรือไม่ และจุดยืนของท่านคืออะไร นายสุวัจน์ กล่าวว่า อย่างที่ตอบไปแล้วว่าพรรคเราเป็นพรรคการเมืองขนาดกลาง เราเห็นความขัดแย้งในอดีต เห็นเศรษฐกิจของประเทศติดหล่ม เราเดินสายกลาง พล.อ.ชาติชายบอกว่า การเมืองจบเป็นยกๆ เสียงข้างมากเพียง 1 เสียงในสภาก็เป็นพอ เพราะมีเสียงข้างมากมากเกินไปก็อาจจะลืมฟังเสียงข้างน้อย ทั้งนี้ ก่อนเลือกตั้งเป็นเรื่องการเมือง หลังเลือกตั้งเป็นเรื่องบ้านเมือง ถ้าการเมืองนิ่งหลังการเลือกตั้ง ไม่มีประเทศไหนในภูมิภาคนี้สู้ประเทศใดได้ พรรคเราจึงไม่อยากสร้างอะไรที่เป็นเงื่อนไขการเมืองมากๆเพราะจะทำให้ประเทศชาติติดเดทล็อกอีก แต่เราขอยื่นตรงกลางฟังเสียงของพี่น้องประชาชนดีกว่า

เมื่อถามว่า อุดมการณ์ของพรรคคือการหยุดการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ แต่ยังมีบางกลุ่มที่เห็นว่าเผด็จการเป็นสิ่งที่ถูกต้อง จุดยืนของพรรคที่จะไม่ประนีประนอมในเรื่องนี้จะนำไปสู่ความวุ่นวายแตกแยกหรือไม่ และจะรับมือกับกลุ่มคนไม่เห็นด้วยอย่างไร และจะมีวิธีอย่างไรที่ทำให้ไม่เกิดรัฐประหารซ้ำ นายธนาธร กล่าวว่า การตัดสินใจตั้งพรรคการเมืองคือการประนีประนอม และวีธีที่เดียวที่พรรคมองได้คือการทำผ่านผู้แทนฯ 24 มีนาคมคือก้าวแรกที่จะเข้าสู่สังคมที่เท่าเทียมเป็นธรรม และคนที่ไม่ได้เข้ามาในสภาก็จะรณรงค์ให้ประชาชนเห็นว่า รัฐธรรมนูญปี 60 ทำไมถึงเป็นปัญหา และหากไม่ปฏิรูปกองทัพจะเกิดผลร้ายอย่างไร นี่คือการรณรงค์อย่างหนักเพื่อให้เราจะชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่เราทำให้วาระของเราเป็นวาระที่สังคมยอมรับได้ แต่กลุ่มคนที่ไม่ยอม พยายามทำลาย อนค. ด้วยคำลวงคำเท็จมาโดยตลอด เพราะพรรคเริ่มได้รับความนิยม นี่แสดงให้เห็นว่ากลัวเรา นี่คือลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเผด็จการ การเมืองของเผด็จการคือการทำให้กลัว เกลียดชังกันเอง แต่การเมืองของประชาชน คือความหวัง 24 มีนาคมนี้ อย่าปล่อยให้การเมืองแบบเก่าพาประเทศไทยไปสู่จุดเดิม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image