ไม่ว่าคำประกาศอันมาจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าคำประกาศอันมาจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มี “ผล” อย่างเดียวกัน
นั่นก็คือ ตัดหนทางการสืบทอดอำนาจของ คสช.ผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เกิดความลำบากมากยิ่งขึ้น
คล้ายกับจะสะเทือนต่อความมุ่งมั่นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แต่เอาเข้าจริงๆ เมื่อบนเส้นทางของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่ม “เรือใบ” เข้ามาขวางอีกนอกเหนือจากที่มาจากพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่
เท่ากับหนทางของพรรคพลังประชารัฐจะหนักหนาสาหัสยิ่งขึ้น
ในที่สุดการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็อยู่เบื้องหน้าพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคอนาคตใหม่ อย่างเด่นชัด
เมื่อตัด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไป
ไม่ว่าในห้วงแห่งเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 ความสัมพันธ์ระหว่างทหารกับรัฐบาลในขณะนั้นอันมีพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย เป็นแก่นแกนสำคัญจะแนบแน่นเพียงใด
แต่ท่าทีของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็เด่นชัด
ยิ่งท่าทีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยิ่งเด่นชัด
เด่นชัดว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ถอยห่างออกมาจากข้อครหานินทาว่าอาจโน้มเอนไปทาง คสช.และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เด่นชัดว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหมือนกัน
ไม่ว่าจะมีข้อสังเกตว่า 1 เป็นการประกาศเพื่อช่วงชิงโอกาสเข้าไปสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยตนเอง ไม่ว่าจะมีข้อสังเกตว่า 1 แม้จะเป็นการปฏิเสธตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่มิได้ปฏิเสธการร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐ
แต่ความหมายก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเปิดเผย ไม่อ้อมค้อม
การแสดงออกของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงเป็นรูปธรรมของการแยกและแตกตัวออกมาจาก คสช.
ด้วยการปฏิเสธ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เท่ากับยืนยันว่า ที่เคยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยเฉพาะในห้วงแห่งสถานการณ์เดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 เริ่มไม่เป็นเช่นนั้น อย่างน้อยพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ก็ตีตัวออกต่างหาก
แม้มิได้มายืนอยู่อย่างเป็นเนื้อเดียวกับพรรคเพื่อไทยและหรือพรรคอนาคตใหม่ แต่ก็มิได้ดำรงอยู่เหมือนเดิมต่อไปอีกแล้ว นี่คือการแปรเปลี่ยน พลิกผันในทางการเมือง
เป็นไปได้ว่าเพราะในช่วงโค้งสุดท้ายมีความเด่นชัดว่ากระแสในทางสังคมเริ่มปฏิเสธ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เริ่มไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจของ คสช.
พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องคล้อยตาม
เหลืออีกเพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ ไม่ว่าจะมีการปรับกระบวนท่าของพรรคพลังประชารัฐ หรือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างไร
แต่ก็อาจ “สาย” เสียแล้ว
เพราะในที่สุดเส้นทางที่พรรคเพื่อไทยกรุย การปักธงของพรรคอนาคตใหม่ก็ประสบความสำเร็จกระทั่งก่อให้เกิดการแปรเปลี่ยนที่เคยกั๊กก็เริ่มไม่กั๊ก
ตัวอย่างคือ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์