เมื่อวันที่ 13 มี.ค. นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน โพสต์ข้อความแสดงความเห็นทางการเมือง โดยระบุว่า ปัญหาประเทศเรื่องทุนผูดขาด ควบคุมเศรษฐกิจของประเทศนับวันจะยิ่งรุนแรง โดยระบุว่า
เรื่องที่สำคัญที่สุด
คือการควบคุมประเทศนี้ด้วยกลุ่มทุน
การแย่งชิงทางการเมืองมิใช่อะไรอื่น แต่เป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือการคุมระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพราะการคุมระบบเศรษฐกิจจะนำมาซึ่งการคุมทุกสิ่ง
ฉะนั้น เราจงมองให้ชัดว่า 4 ปีของพลเอกประยุทธ์ การกระทำของคณะรัฐประหารที่ทุ่มเทที่สุดและยอมไม่ได้คือการเขียนนโยบายและกฎหมายว่าด้วยการคุมระบบเศรษฐกิจและทรัพยากร
มองให้ชัดว่ากฎหมายหลายร้อยฉบับออกมาโดยประชาชนไม่รู้เลย มีความจำเป็นอะไรที่เร่งออกกฎหมายถึงขนาดนั้น รูปธรรมที่ชัดที่สุดคือการมียุทธศาสตร์ชาติที่มีคนกุมสภาพและทุนเป็นผู้เขียนนโยบาย คุมประเทศนี้ไปอีก 20 ปี ทำไมต้องคุมขนาดนี้
ในส่วนของทรัพยากรนั้น ออกกฎหมายหลายฉบับเพื่อกุมสภาพทรัพยากรของประเทศเพื่อนำไปสนองระบบเศรษฐกิจใหม่ที่ออกแบบไว้แล้วไม่ว่าจะตามยุทธศาสตร์ชาติ หรือ อีอีซี
หากยังจำกันได้หลายวาระพลเอกประยุทธ์จะปกป้องอีอีซีอย่างแข็งขัน นั่นเป็นกล่องดวงใจสำคัญของระบบทุนทั้งไทยและต่างชาติ เพราะกฎหมายอีอีซีคือการสร้างรัฐอิสระในราชอาณาจักรไทยเพื่อคนกลุ่มเดียว
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะพิสูจน์ว่า
ประเทศนี้จะถูกคุมเบ็ดเสร็จด้วยกลุ่มทุน
หรือว่าถึงเวลานับหนึ่งการเปลี่ยนแปลงประเทศ
นี่มิใช่เรื่องเล่นอีกต่อไปแต่คือวิบากของประชาชน
หมายเหตุ
การยึดประเทศหรือการขายชาติ มิใช่การยึดดินแดนอีกต่อไป เพราะนั่นทำไม่ได้ทั้งเป็นภาระและถูกประณาม แต่การขายชาติในโลกยุคใหม่คือการขายประโยชน์ที่ควรตกอยู่กับสาธารณะให้ไปอยู่กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คนกลุ่มนั้นทั้งที่เป็นคนชาติเดียวกันและคนต่างชาติด้วย นี่คือการขายชาติในโลกยุคใหม่ ไม่ต้องยึดดินแดนแต่ยึดประโยชน์จากประเทศนั้นเข้ากระเป๋า
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐประหาร ขายชาติหรือไม่ จงดูปรากฏการณ์ อีอีซีเป็นคำตอบ พวกเขาสามารถสร้างรัฐอิสระขึ้นในประเทศนี้ได้เพื่อการปรนเปรอคนกลุ่มหนึ่ง แต่ยึดทรัพยากรที่คนส่วนใหญ่ต้องใช้เอาไปด้วย
ภาวะนี้จะคุกคามประเทศนี้หนักขึ้นในรอบ 10 ปีนี้
นี่คือวิบากของเราคนไทย