น.2รายงาน : 6พรรคโชว์วิสัยทัศน์ ลดเหลื่อมล้ำ-เพิ่มนักลงทุน

หมายเหตุ หอการค้าไทย ร่วมกับ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดสัมมนา “การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการลดความเหลื่อมล้ำ” โดยมี 6 พรรคการเมืองเข้าร่วมอภิปรายและตอบข้อซักถาม ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมีประชาชนและนักลงทุนจากเอกชน ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก เมื่อวันที่ 13 มีนาคม

อนุทิน ชาญวีรกูล
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

แนวคิดของพรรคภูมิใจไทย คือต้องเร่งทลายทุกข้อจำกัดลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน นอกจากนี้ พรรคยังได้เน้นการส่งเสริมภาคเอกชนในเรื่องของการเข้ามาลงทุนในประเทศ แต่ในปัจจุบันพบว่ายังมีขั้นตอนการดำเนินงานที่ยุ่งยาก อาทิ การออกใบอนุญาตที่มีความซับซ้อนและใช้เวลาดำเนินงานนาน ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของกฎหมาย และขาดการมีส่วนร่วม ซึ่งเรื่องนี้เป็นเป้าหมายที่พรรคต้องการเข้ามาทลายข้อจำกัดของกฎหมายอยู่แล้ว

Advertisement

ส่วนในเรื่องของการลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งนโยบายพรรค ยังครอบคลุมเรื่องความเหลื่อมล้ำ และเห็นด้วยกับการที่กฎหมายรัฐธรรมนูญมีข้อบัญญัติที่ไม่สนับสนุนให้อุ้มเกษตรกร ส่วนในเรื่องของการท่องเที่ยว ประเทศไทยมีหลายจังหวัดที่จะผลักดันในการเที่ยวเชิงท้องถิ่น แต่ยังติดกฎหมายเรื่องโฮมสเตย์ สนับสนุนเข้าไปทุกภาคส่วน การให้ภาคบริการมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น การแก้ไขคือต้องมีการจดทะเบียน

หากพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาล จะจัดทำนโยบายไทยแลนด์โอนลี่ เพื่อหมุนใช้ทรัพยากรภายในประเทศซึ่งการจัดการกฎหมายที่มีมากเกินไป การดึงภาคประชาชนให้มีส่วนร่วมในการบริการ

แต่สรุปแล้วก็ยังมีเรื่องคอร์รัปชั่น เราต้องเข้าไปดูงบประมาณ ไม่ว่าจะซื้อจะสร้างอะไรต้องกำหนดราคา ต้องใช้ราคาที่ต่ำสุดเป็นมาตรฐาน โครงการภาครัฐใช้ราคากลางกำหนดอยู่แล้ว

Advertisement

นี่คือหนึ่งวิธีในการป้องกันคอร์รัปชั่น ขอโอกาสให้พรรคภูมิใจไทย เข้าไปเป็นรัฐบาล จะเข้าไปควบคุมงบประมาณ และสร้างโครงการต้องใช้ของไทย เมด อิน ไทยแลนด์

การก้าวออกจากวิกฤต อาจเป็นนโยบายที่ดี บางนโยบายต้องใช้พื้นฐานรากฐานให้ดี พรรคดูในเรื่องของการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านเกษตรกร สำหรับประชาชนทั่วไปและนักลงทุน เราจะแก้กฎหมาย เพื่อทลายกำแพงปัญหา ทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าทุกภาคต้องมีส่วนร่วม ต้องมีการแก้กฎหมาย ต้องทำให้อำนาจทุนหายไปให้มากที่สุด

การจัดการปัญหาเรื่องแกรป (ช่องว่าง) การพัฒนาเมืองรองให้เป็นเมืองหลัก โดยใช้บุรีรัมย์โมเดล และการเพิ่มพืชเศรษฐกิจคือกัญชาขึ้นมา ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร พรรคภูมิใจไทยก็จะพัฒนาต่อไปแต่อยู่ในขอบเขต

ไม่ถนัดเรื่องนโยบาย แต่ถนัดเรื่องการปฏิบัติ พรรคจะสนับสนุนแรงงานไทย สนับสนุนคนไทย ก่อนจะก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรื่องตามนโยบาย ไทยมี ไทยใช้ ไทยยั่งยืน

อุตตม สาวนายน
หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

เชื่อว่าประเทศไทยถึงเวลาปรับเปลี่ยนแรงงานคนได้แล้ว ต้องตอบโจทย์ให้ตรงจุด ต้องการบุคลากรอย่างไร แรงงานในกลุ่มต่างๆ ทั้งภาคบริการ และภาคการเกษตร พรรคมุ่งเน้นดำเนินการตามภาคเศรษฐกิจที่กำลังปรับเปลี่ยน เพื่อส่งเสริมไทยให้ไปอยู่ในความยั่งยืน แรงงานที่ขาดมาก คือ ระดับอาชีวะ และสายอาชีพ

พรรคแนะว่าต้องพัฒนาอาชีวะให้ตอบโจทย์ตามเป้าหมายของประเทศ หลักสูตรต้องมาทำด้วยกัน ต้องตอบโจทย์ชุดทักษะที่จำเป็น นักศึกษาเข้ามาเรียนแล้วต้องรู้ว่าเรียนจบมาแล้วจะอยู่ตรงไหน จบมาทำอะไร ภาครัฐต้องสนับสนุนการเข้าถึงคือระบบบอัตโนมัติ ไม่ใช่คิดแต่ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาโดยไม่รู้ว่าจะใช้เทคโนโลยนั้นเพื่ออะไร อย่างไร ถ้าแรงงานของเราตอบโจทย์แล้ว คือไทยสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มีศักยภาพในการแข่งขัน

ในเรื่องของการทำงานในระบบ ทราบกันดีว่ามีปัญหาอุปสรรค ทางพรรคได้ส่งเสริม กลไกของรัฐในพื้นที่จังหวัดต่างๆ หน่วยงานเอกชนต้องมีส่วนร่วมในการเข้ามาพูดคุยกัน จะเป็นงบบูรณาการแยกออกจากงบส่วนกลาง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พรรคประชารัฐจะเน้นในการดำเนินการ

หัวข้อสัมมนาในครั้งนี้ สะท้อนถึงความห่วงใย ความหวังในฐานะประชาชน ให้ก้าวหน้าไปได้ แจ่มใส ของจริง และยั่งยืน พรรคเมื่อเรากำหนดนโยบายใหม่ ในเรื่องของการแก้ไขของสังคม วันนี้ประเทศไทย ที่มีเรื่องการเมืองระหว่างประเทศที่มีความกระทบต่อเศรษฐกิจ ในเรื่องของการเกษตรเป็นเกษตรที่ยั่งยืนในระยะที่เกี่ยวข้องในเรื่องของเทคโนโลยีการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร การเกษตรที่ยึดโยงกับเศรษฐกิจฐานราก กำลังมองโมเดิร์นเทรด

ส่วนในเรื่องของร้านค้าโชห่วยต้องมีการติดอาวุธให้เขาตั้งแต่การนำเงินทุนเข้าไป มีเงินลงทุนตั้งต้น และปล่อยกู้เข้าไปเพิ่ม เกษตรมีกำลังซื้อ ก็จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ กำลังซื้อก็จะมีออกมา พูดในเรื่องของประชารัฐต้องมีการเพิ่มกำลังซื้อ ซึ่งการสร้างแรงขับเคลื่อนเรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องที่พรรคอยากเห็น

สุวัจน์ ลิปตพัลลภ
ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา

ในเรื่องของเศรษฐกิจ เป็นยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งครั้งนี้ มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ต้องปรับตัวมากพอสมควรต้องมีโครงสร้างหลัก อาทิ การลงทุนต้องมีมอเตอร์เวย์ การพัฒนาโครงข่าย 5G ซึ่งเป็นเรื่องที่จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจในทุกด้าน ประเทศไทยยังมีช่องว่างอยู่ การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ เราต้องมีการส่งเสริมพัฒนา หรืออาจจะเป็นการคิดต่างๆ ในรูปแบบการลดช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวย โดยทางพรรคเอาเกณฑ์นี้เป็นตัววัด รัฐได้ประเทศ เศรษฐกิจได้ประโยชน์ เมื่อเรามีโครงข่าย 5G แล้วเราจะมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง จัดเพดานภาษี หรือปรับโครงสร้างภาษีใหม่ อาทิ รถยนต์

เรื่องปัญหาความเหลื่อมล้ำ เป็นปัญหาที่สะท้อนเรื่องความยากจน ควรเพิ่มสวัสดิการให้กับภาคประชาชนและภาคการเกษตรให้มากขึ้น รวมถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวในแหล่งชุมชน ต้องมีการแก้ทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ

การเพิ่มขีดความสามารถในเรื่องของการแข่งขัน ไทยควรจะมีความยั่งยืนในการพัฒนาประเทศ อะไรที่เป็นจุดแข็งของประเทศ ซึ่งมองว่าไทยมีความเข้มแข็ง การพัฒนาเรื่องสินค้าเกษตร ควรนำเกษตรมาเพื่อเป็นอำนาจต่อรอง ต้องทำสมาร์ทฟาร์มเมอร์อย่างจริงจัง ลดสัดส่วน และเพิ่มสัดส่วนในเรื่องของการส่งออกสินค้าเป็นสินค้าแปรรูปต่อไป

ส่วนในเรื่องของการท่องเที่ยว จะผลักดันการท่องเที่ยวให้เป็นวาระแห่งชาติ ต่อจากนี้ไปต้องเชิญเอกชนมาลงทุน ปรับปรุงเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ความก่อตั้งมารีน่า คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกำหนดทิศทางเดินของประเทศไทย

โดยต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นอันดับแรก

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ในเรื่องของการลดความเหลื่อมล้ำ พรรคประชาธิปัตย์มองว่าการเข้าถึงระบบการศึกษาและสาธารณสุขอย่างเท่าเทียม ต้องคำนึงถึงคนที่จนที่สุด คำนึงถึงผลกระทบของสิ่งแวดล้อม การจัดสรรที่ดิน การขยายระบบสวัสดิการ การขยายการเข้าถึงการผูกขาด ต้องมีการทำการเมืองที่มีการกระจายอำนาจ และต้องมีการประเมินทุกนโยบายต้องมีการดำเนินผลกระทบ การศึกษาหัวใจสำคัญต้องทำสองอย่าง ต้องมีการกระจายอำนาจ รัฐมีหน้าที่คำนวณทรัพยากร และพัฒนาสมาร์ท โดยดึงเอกชน ภาครัฐ ภาคราชการ ให้มีการเรียนรู้มากขึ้น มีการใช้ระบบสาธารณสุขให้คล่องตัวมากขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดจะต้องระดมทุกฝ่ายเพื่อขับเคลื่อนอนาคตของชาติให้ชัดเจน

การหาเสียงที่ผ่านมา มีการเร่งฟื้นเศรษฐกิจ เป็นสิบจุดเปลี่ยนเศรษฐกิจสร้างชาติ การนำผลิตภาพทางการเงินเข้ามา จุดเปลี่ยนที่สองดูว่าเราจะต้องทำอะไร เทคโนโลยีเอกชนรู้วิธีใช้ การปรับกฎหมาย พรรคจะมีหน่วยงานที่จะสร้างงานเพื่อสร้างโอกาสให้กับภาคเอกชน ต้องมีความรู้รองรับ ต้องคำนึงถึงห่วงโซ่อุปทาน มองว่าอนาคตของอุตสาหกรรม ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้องมองให้เป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่อง มองว่าตรงนี้จะเป็นหนึ่งในตัวช่วยในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ

ส่วนในเรื่องของหนี้ครัวเรือน คลังต้องเข้มแข็ง ต้องเท่าเทียม ต้องลดภาษีให้เอสเอ็มอี หรือคนที่มีรายได้น้อย ส่วนเรื่องการเมือง หมดเวลาเกรงใจ

โภคิน พลกุล
กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทย มีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ โดยการส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวชุมชน แต่อุปสรรคใหญ่ยังคงเป็นเรื่องวีซ่า หากมีการยกเลิกวีซ่าที่มีระยะเวลากำหนด จะทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 50% จากจำนวนนักท่องเที่ยวเดิม

โดยในแต่ละพื้นที่ ชาวบ้านต้องนำสินค้ามาจดแจ้ง ดังนั้น ท่องเที่ยวต้องมีจุดขาย อุปสรรคใหญ่คือภาคกฎหมายและภาครัฐ หากเอกชนพร้อมแต่ภาครัฐไม่พร้อมก็เท่านั้น

ดังนั้น การเพิ่มในเรื่องของการเพิ่มวีซ่าให้มีการท่องเที่ยวชุมชนรวมไปถึงการเชื่อมโยงไปถึงการท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่ต้องยื่นขอวีซ่าผ่านเข้าเมืองอีกครั้งในพื้นที่เพื่อเพิ่มความสะดวกในการขยายเวลาวีซ่า เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีเวลาได้ท่องเที่ยวยาวนานมากขึ้น

ทางพรรคได้ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวโดยเน้นพัฒนาในเรื่องของมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจว่าการมาประเทศไทยทุกครั้งจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ยังมีแผนที่จะสร้างเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ อาทิ การท่องเที่ยวเชิงเกษตร, ผจญภัย รวมถึงการจัดงานเฟสติวัลต่างๆ เพื่อนำไปสู่การทำไทยแลนด์แพลตฟอร์ม ให้นักท่องเที่ยวสะดวกต่อการท่องเที่ยว และรีบทลายอุปสรรคในเรื่องของการทำโฮมสเตย์ เพื่อให้ผู้คนทำมาร์เก็ตติ้งให้ได้มากที่สุด

วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร
ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ พรรคอนาคตใหม่

พรรคอนาคตใหม่ ผลักดันเรื่องการค้าเสรี ให้อยู่บนพื้นฐานภาคีเครือข่าย หรือขับเคลื่อนบนเวทีพหุภาคี ร่วมกับนานาประเทศ เพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อรองทางการค้า

ไม่ว่าจะเป็นโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ประเทศไทยกำลังเร่งผลักดันอยู่ในขณะนี้ หรือการร่วมมือกับองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ซึ่งโจทย์หลักทางเศรษฐกิจของไทยมีอุปสรรคอยู่หลายเรื่อง อาทิ การเปิดตลาดหรือหาตลาดให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก โจทย์คือ ทำอย่างไรให้ผู้ค้ารายเล็กในประเทศเกิดการพัฒนาในเรื่องของความคิด การออกแบบสินค้าให้มีความหลากหลายน่าซื้อ เป็นต้น และต้องมีการปรับตัวหาตลาดใหม่ๆ ให้เข้ากับตลาดภายในประเทศ ต้องจัดทำนโยบายอุตสาหกรรมใหม่ให้ทันโลก ประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนความคิดด้านอุตสาหกรรมให้ตรงกับความต้องการของโลก

ส่วนในเรื่องของการลดการคอร์รัปชั่น ซึ่งต่างประเทศมีการวัดเศรษฐกิจจากดัชนีคอร์รัปชั่น ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดจะต้องเพิ่มอำนาจให้ประชาชน การจัดซื้อจัดจ้างต้องเต็มที่ การจัดอบรมในเรื่องของท้องถิ่น การหาข้อมูลในเรื่องของสวัสดิการ การทำงบประมาณ การประเมินโครงการ การจัดการอำนาจซับซ้อน เพื่อให้ลดปัญหาอำนาจซับซ้อน และหน่วยงานรัฐ ต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ประชาชน มากกว่าทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image