คล้อยหลังคำประกาศความชัดเจนพร้อมกับคำถามชัดพอไหมอัน มาจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรณีไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา ก็เกิดความชัดเจนอย่างน้อย 2 กรณี
1 เป็นความชัดเจนจากการปราศรัยบนเวทีที่พังงาโดย นายสุ เทพ เทือกสุบรรณ
ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นพวกเดียวกับ “ทักษิณ”
1 เป็นความชัดเจนระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดบางแค ก็มีชาวบ้านชูป้าย “ไม่ต้อนรับพรรคการ เมืองที่ไม่เอาลุงตู่(หมดเวลาเกรงใจ)”
ไม่ว่าการปราศรัยที่พังงาน ไม่ว่าการชูป้ายที่ตลาดบางแค ย่อมเป็นไปตามบทสรุปของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นั่นก็คือ “รู้อยู่แล้ว”
แม้ว่าสิ่งที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รู้อยู่แล้วเพราะการปราศรัยที่พังงามาจากปากของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขณะที่ที่ตลาดบาง แคก็ตระหนักเป็นอย่างดีว่าเป็นพื้นที่ของใคร
สำหรับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อาจจะสวมเสื้อพรรครวมพลังประชาชาติไทย
ขณะที่ที่ตลาดบางแคอาจจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ
แต่ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าพรรครวมพลังประชาชาติก็ล้วนอยู่ในเครือข่ายพรรคการเมืองที่ทำเพื่อการสืบทอดอำนาจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ขณะเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็เคยเป็นเลขาธิการ พรรคประชาธิปัตย์ ส่วนที่บางแคก็เคยเป็นนักการเมืองของพรรค ประชาธิปัตย์
กล่าวอย่างถึงที่สุด ปฏิบัติการเหล่านี้ก็ล้วนแต่มาจากคนเก่าที่เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ เพียงแต่ตอนนี้ไปอยู่พรรครวมพลังประชาติไทยและพรรคพลังประชารัฐทั้งนั้น
สะท้อนความหงุดหงิดของคนกันเอง เคยเป็นพวกเดียวกัน
ถามว่า “ปฏิกิริยา”และแรงสะเทือนเหล่านี้เป็นผลจากอะไร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและพรรคประชาธิปัตย์ย่อมรู้ดีอย่างที่สุดว่าเป็นความสืบเนื่องจากกรรมเก่า
กรรมเก่าที่เคยร่วมเป่านกหวีดกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
กรรมเก่าที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และคนที่ครองพื้นที่ที่บางแครู้เช่นเห็นชาติมาหมดสิ้น
ทุกอย่างดำเนินไปบนพื้นฐานของกรรมใดใครก่อ