เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 24 มีนาคม ที่โรงอาหารโรงเรียนเทพศิรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป (ส.ส.) ของหน่วยเลือกตั้งที่ 4 แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งที่ 1 ของกรุงเทพมหานคร มีประชาชนเดินทางไปรอแสดงตนเพื่อขอใช้สิทธิตั้งแต่เวลา 07.00 น. โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง ทั้งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขต เจ้าหน้าที่ตำรวจ ลูกเสืออาสาและนักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) คอยอำนวยความสะดวกประชาชนอย่างใกล้ชิด
ต่อมาเวลา 08.15 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ร.ต.ท.พงศกร ขวัญเมือง บุตรชายคนเล็กได้เดินทางมาแสดงตนเพื่อขอใช้สิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 ก่อนตรวจสอบรายชื่อ ซึ่ง พล.ต.อ.อัศวิน อยู่ในลำดับที่ 53 ส่วนบุตรชายอยู่ในลำดับที่ 55
พล.ต.อ.อัศวิน ให้สัมภาษณ์ภายหลังใช้สิทธิแล้วเสร็จว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทางฝ่ายการเมืองจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการใดๆ ทั้งสิ้นเนื่องจากไม่เหมาะสม ซึ่งฝ่ายข้าราชการประจำ กทม. นำโดย นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัด กทม.จะเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยในภาพรวมของทุกหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด แต่เมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ตนก็ได้ร่วมประชุมติดตามกับปลัด กทม. สำนักงานคณะการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยในที่ประชุมไม่ได้รับรายงานถึงปัญหาและอุปสรรคของการเลือกตั้งครั้งนี้ ภาพรวมทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า หลังจากเดินทางมาใช้สิทธิเรียบร้อยแล้ว จากนี้จะร่วมติดตามความเคลื่อนไหว สถานการณ์ความเรียบร้อยของการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด โดยจะไม่เข้าไปวุ่นวายอาจจะขับรถตรวจการณ์อย่างห่างๆ เพื่อติดตามความเรียบร้อยในบางพื้นที่ ส่วนช่วงเย็นที่มีการนับคะแนน จะร่วมติดตามผลจากที่บ้าน
“ขอเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยการเลือกตั้งถือเป็นสิทธิของทุกคนที่จะออกมาเลือกคนที่จะเข้ามาบริหารประเทศ อย่าได้นอนหลับทับสิทธิ ขอให้ออกมาใช้สิทธิของท่าน ส่วนท่านจะรักใครชอบใครขอให้ท่านตัดสินใจเอาเอง เพราะเราเป็นคนไทย ประเทศไม่ได้เป็นของใครเพียงผู้เดียว” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ว่าฯ กทม.มีพรรคการเมืองใดในใจหรือไม่ พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า รักทุกพรรค แต่เสียดายเลือกได้เพียงพรรคเดียว จึงเป็นการตัดสินใจที่ยาก เพราะส่วนตัวชอบทุกพรรค หากจะเลือกหลายคนก็ทำให้เกิดบัตรเสีย ดังนั้น จึงต้องตัดสินใจเลือกพรรคเดียว
