‘บิ๊กป๊อก’ ปัดโต้ แม้ววิจารณ์ ลต. ยันสั่ง กกต.ไม่ได้ อุบ อนาคตทางการเมือง หลังบิ๊กตู่มีแววนั่งเก้าอี้นายกฯรอบสอง
เมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 26 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เขียนบทความลงในนิตยสารนิวยอร์กไทมส์ วิจารณ์การจัดการเลือกตั้งของประเทศไทยไม่โปร่งใสว่า ไม่ขอพูดเรื่องที่นายทักษิณวิจารณ์ ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ แต่ตนได้ติดตามสถานการณ์การเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในการนับผลคะแนนเลือกตั้งนั้นขอให้ประชาชนใจเย็นๆ เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่ หากมีการทุจริตประพฤติมิชอบโดยเจ้าหน้าที่ ก็จะต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย ประเทศไทยมีหน่วยเลือกตั้งมากถึง 92,320 หน่วยเลือกตั้ง หากเกิดปัญหาขึ้นที่หน่วยใดก็จะต้องมีคนรับผิดชอบ ซึ่งมีโทษหนักถึงจำคุก จึงขอให้ใจเย็นๆ ค่อยๆ ช่วยกันตรวจตรา อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าสถานการณ์เลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความเลวร้าย เพราะจะทำให้ประเทศวุ่นวาย
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจะต้องถูกลงโทษหนักถึงจำคุก อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และอยากให้ประชาชนมองในแง่ดีว่ารัฐบาลไม่มีทางที่จะสั่งการให้เจ้าหน้าที่หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ เพราะทุกคนต้องมีส่วนรับผิดชอบตามกฎหมาย คงไม่มีใครกล้าเสี่ยง ขออย่าเพียงแต่ดูข่าวเท็จ หรือข่าวที่ยังไม่มีมูลแล้ววิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้ หากพบหลักฐานในการกระทำความผิดก็สามารถแจ้งต่อ กกต.ได้ หาก กกต.ไม่ดำเนินการก็จะมีความผิด นี่คือกระบวนการที่จะสามารถทำให้ประเทศไทยเดินหน้าได้
“ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่คงไม่มีใครจะทุจริตประพฤติมิชอบ ผลการเลือกตั้งทุกคนก็เห็นอยู่ว่ายังเคลื่อนไหวไปมา ผลที่ออกมาเจ้าหน้าที่ก็บอกแล้วว่ายังไม่เป็นทางการ แต่จะไม่ให้เปิดผลการเลือกตั้งเลยก็ไม่ได้ แต่เมื่อออกมาแล้วก็กลับวิพากษ์วิจารณ์กัน พร้อมกับจี้ว่าตรงนั้นตรงนี้ผิด ผมว่าจะผิดหรือไม่ผิดควรหาให้เจอว่ามีจุดใดบ้าง ไม่ใช่พูดอย่างเดียว แต่ควรชี้ไปเลยในหน่วยเลือกตั้ง เพราะทุกการกระทำความผิดล้วนมีโทษทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือผู้มีส่วนร่วม แต่ไม่ควรว่ากันไปเรื่อย และเหมารวมว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ดี เพราะเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งต่างก็เป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น ผมยังคิดในแง่บวกว่าทุกคนตั้งใจทำงาน หากเกิดความผิดพลาดต้องดูที่เจตนาว่าต้องการทุจริตหรือไม่ ถ้าเจตนาก็ต้องรับโทษ” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยส่วนตัวจะช่วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ทำงานต่อหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า “ความจริงผมไม่อยากตอบคำถามนี้ เพราะส่วนตัวไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐ เอาเป็นว่าให้พรรคพลังประชารัฐดำเนินการได้ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากจะดำเนินการ จะจับมือกันอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ประเทศไทยต้องเดินไปข้างหน้า ให้ทุกคนมีความสุขไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งคนที่จะทำหน้าที่ต่อไป จะต้องตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง แต่ยังไม่ขอตอบว่าถ้า พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ อนาคตทางการเมืองของผมเองจะเป็นอย่างไร”