รองโฆษกพรรคประชาชาติ ลั่น อาเพศทางการเมืองและบัตรเลือกตั้งนิวซีแลนด์

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม นายสุพจน์ อาวาส รองโฆษกพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ปัญหาการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงที่เบ่งบานจนกลายเป็นข้อร้องเรียนทั่วราชอาณาจักร และปัญหาข้อผิดพลาดของการจัดการเลือกตั้ง ณ หน่วยเลือกตั้ง จนมาถึงการกล่าวโทษโยนความผิดของการบริหารจัดการเลือกตั้งที่ล้มเหลวว่าเป็นด้วยเหตุแห่ง “ข้อขัดข้องทางเทคนิค” ของระบบสารสนเทศ ฯลฯ ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความไม่พร้อมของการบริหารจัดการการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรมอย่างที่ควรจะเป็นและถือเป็น “อาเพศทางการเมือง” ที่ “วิปริตวิตถาร” (เกินวิสัยปกติที่พึงมี) และนำมาซึ่งข้อครหา ข้อทวงติง และความรู้สึกผิดหวังหดหู่ ของประชาชนชาวไทยผู้เสียภาษีที่ กกต.นำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้ง รวมถึงค่าจ้างคณะกรรมการ กกต. กับเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. จนนำไปสู่การเข้าชื่อเพื่อถอดถอน

คณะกรรมการ กกต. ที่กำลังมีการดำเนินการอยู่ในขณะนี้และถือได้ว่าเป็นเค้าลางของความขัดแย้งที่มีท่าทีจะบานปลายรอบใหม่ของไทยที่เป็นผลมาจากการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ กกต. ชุดปัจจุบันและสังคมกำลังถามหาความรับผิดชอบของคณะกรรมการ กกต.ทั้งคณะว่าจะแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบอย่างมีจริยธรรมต่อกรณีปัญหาต่างๆ ที่นับวันจะยิ่งผุดขึ้นมาอย่างไร โดยเฉพาะกรณีบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักรจากประเทศนิวซีแลนด์ 1,542 ใบ ที่แม้ว่าจะมีเหตุขัดข้องที่ให้มาถึงประเทศไทยล่าช้า แต่ก็มิอาจใช้ดุลพินิจตัดสินให้มีสถานะเป็นบัตรเสีย หรือเป็น “คะแนนตกน้ำ” ตามกฎหมายได้ เพราะหากกระทำเช่นนั้นก็เท่ากับ คณะกรรมการ กกต. จงใจกระทำการตัดสิทธิผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยปราศจากมูลเหตุใดๆ ที่จะกล่าวอ้างได้ตามกฎหมายเลือกตั้งที่มีผลใช้บังคับอยู่ในขณะนี้

ดังนั้น จึงต้องตั้งคำถามแบบตรงไปตรงมาว่า “การที่บัตรเลือกตั้งชุดนี้มาถึงประเทศไทยในวันที่ 23 มีนาคม แล้ว คณะกรรมการ กกต. ได้ขวนขวายใช้ความพยายามที่จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเหมาะสมและเพียงพอหรือไม่” หรือ “ปล่อยให้เป็นของตกค้างในคลังสินค้าของการบินไทยอย่างที่เป็นอยู่” เพราะท่าที (position) และวิธีการทำงานของคณะกรรมการ กกต.ที่ลอยตัวเหนือปัญหาต่อกรณีนี้ เพราะการโยน หรือ ปัดความรับผิดชอบในการบริหารจัดการการเลือกตั้งไปให้กระทรวงการต่างประเทศและผู้ประกอบการขนส่งไม่น่าจะเป็นการทำงานแบบมืออาชีพ

อีกทั้ง กกต.ไม่มีระบบการตรวจสอบติดตามบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร รวมถึง การจงใจตัดสินไม่นำบัตรเลือกชุดนี้มานับทั้งๆ ที่การนับคะแนนยังไม่แล้วเสร็จ (นับได้ 95%) หรือ เหลืออีก 5% ซึ่งเท่ากับผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออีกจำนวน 17.50 หรือ 18 คนโดยประมาณ และยังบิดเบือนตั้งกรรมการสอบหาผู้อื่นมารับผิดชอบแทนมันง่ายเกินไปหรือไม่ อีกทั้ง มันสุจริตและเป็นธรรมแก่ผู้ใช้สิทธิ 1,542 คนอย่างไรและการนี้ กกต.ต้องตอบให้ประชาชนเจ้าของประเทศทุกคนหายสงสัยและต้องไม่ทำตัวเป็นปลาหมอ (ที่แถไปเรื่อยๆ) หรือ กกต.จะรอตอบในชั้นศาลเพราะนักศึกษาไทยในนิวซีแลนด์เตรียมฟ้องและขยายผลให้โลกรับรู้กันอย่างเอิกเกริกกลายเป็นสิ่งที่น่าอับอายอดสูและเสียเกียรติภูมิของชาติ

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image