‘สวนดุสิตโพล’ เผยประชาชนผิดหวังการเลือกตั้ง 24 มี.ค.62 เพราะไม่โปร่งใส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 31 มีนาคม สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากทั่วประเทศจำนวน 1,752 คน เรื่อง “ประชาชนคิดอย่างไร? กับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา” โดยผลการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 45.20 ระบุ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ เช่น ความไม่โปร่งใส การทำงานของ กกต. และข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น รองลงมา ร้อยละ 21.28 ระบุ ประชาชนตื่นตัว ออกมาใช้สิทธิจำนวนมาก ร้อยละ 16.55 ระบุ เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญ มีผลต่อบ้านเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ ร้อยละ 13.07 ระบุ รอลุ้นผลการเลือกตั้ง พรรคไหนจะได้จัดตั้งรัฐบาล ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี และร้อยละ 10.15 ระบุ เป็นข่าวใหญ่ ถูกจับตามองทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ

สิ่งที่ประชาชนประทับใจในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 66.14 ระบุ ได้ออกมาใช้สิทธิ ทำตามหน้าที่ของตนเอง รองลงมา ร้อยละ 17.30 ระบุ ประชาชนตื่นตัว ช่วยกันตรวจสอบ บรรยากาศการเลือกตั้งคึกคัก ร้อยละ 14.14 ระบุ ผู้สมัครที่ชื่นชอบได้เป็น ส.ส. ร้อยละ 9.67 ระบุ หน่วยเลือกตั้งอยู่ใกล้บ้าน เดินทางสะดวก และร้อยละ 8.56 ระบุ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น

สิ่งที่ประชาชนวิตกกังวลในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 69.47 ระบุ ความไม่โปร่งใส ทุจริตการเลือกตั้ง ผลคะแนนไม่ชัดเจน ร้อยละ 28.88 ระบุ การจัดตั้งรัฐบาล ผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 11.32 ระบุ ความขัดแย้ง ความวุ่นวายทางการเมืองที่อาจจะมีมากขึ้น ร้อยละ 10.37 ระบุ ผลการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามที่หวัง เป็นโมฆะ ต้องเลือกตั้งใหม่ และร้อยละ 4.26 ระบุ กลัวทำบัตรเสีย กาผิด เข้าใจผิด

สำหรับผลการเลือกตั้งในภาพรวม ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 48.74 ระบุผิดหวัง เพราะ ความไม่โปร่งใสในการเลือกตั้ง การทำงานของ กกต. การนับคะแนน ประกาศผลล่าช้า ผู้สมัครที่ชื่นชอบแพ้ ขณะที่ร้อยละ 30.71 ระบุ เฉยๆ เพราะ ไม่อยากคาดหวัง ใครก็ได้ที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ยอมรับกับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ และร้อยละ 20.55 ระบุ สมหวัง เพราะ ได้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งของตนเอง ผลการเลือกตั้งเป็นไปตามที่หวังไว้ ผู้สมัครที่ชื่นชอบได้เป็น ส.ส.

Advertisement

จากผลการเลือกตั้งที่ปรากฏ ณ วันนี้ประชาชนคิดว่าจะทำให้สภาพบ้านเมือง “เหมือนเดิม” เพราะ ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนเข้ามาก็ไม่สามารถแก้ปัญหาให้หมดไปได้ บ้านเมืองมีปัญหาเรื้อรังมานาน คนในสังคมแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ร้อยละ 31.85 คิดว่าจะทำให้สภาพบ้านเมือง “แย่ลงกว่าเดิม” เพราะ รัฐบาลที่เข้ามาใหม่อาจขาดเสถียรภาพ ไม่สามารถผลักดันนโยบายสำคัญออกมาได้ ความขัดแย้งทางการเมืองมีมากขึ้น และร้อยละ 28.08 คิดว่าจะทำให้สภาพบ้านเมือง “ดีขึ้นกว่าเดิม” เพราะ ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ส่งผลต่อความเชื่อมั่น เศรษฐกิจดีขึ้น รัฐบาลใหม่ต้องเร่งสร้างผลงานให้เห็น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image