‘บิ๊กตู่’ ย้ำทุกฝ่ายเต็มที่แก้ปัญหาฝุ่นละอองภาคเหนือ แต่ทำได้แค่ใช้กฎหมายเข้มงวด-ขอความร่วมมือ วอนอย่าให้ใครนำไปบิดเบือนใช้ประโยชน์ เผย กต.-กระทรวงทรัพย์ฯ เตรียมนำปัญหาไฟป่าหารือเวทีอาเซียน ชี้ใครเผาป่าหวังป่วนรัฐบาล รู้ตัวเองอยู่แล้ว ขออย่าโยงทุกเรื่องเอี่ยวการเมือง ประเทศเดินไม่ได้
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 เมษายน ที่ห้องวายุภักษ์ 2-4 ชั้น 4 โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวตอนหนึ่งถึงปัญหาวิกฤตฝุ่นละอองและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ในระหว่างมอบโอวาทในการเป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติแก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2561 ว่าตนได้ติดตามปัญหาฝุ่นละอองในภาคเหนือมาโดยตลอด เรียกได้ว่าหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเดือนๆ แล้ว รวมถึงสถานการณ์ใน กทม. โดยวันนี้ติดตามพบว่ายังมีการจุดไฟในพื้นที่ป่าจำนวนมาก แม้จะร้องขอความร่วมมือแล้วก็ยังเกิดขึ้นอีก นั่นคือสิ่งที่พวกเราต้องคิดว่าจะทำอย่างไร ในส่วนรัฐบาล ส่วนราชการ ระดับนโยบาย ระดับพื้นที่ วันนี้รัฐบาลได้ทำอย่างเต็มที่ไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการในระดับจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ทำอย่างเต็มที่ แต่ปัญหาก็คือจะทำให้เขาร่วมมือกับเราได้อย่างไร
นายกฯกล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องการศึกษา การทำความเข้าใจในระเบียบวิธีการปฏิบัติต่างๆ ของราชการ ของรัฐบาล ท้องถิ่นและประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการหารือร่วมกันแก้ปัญหาเหล่านี้ วันนี้ถ้าเรารวมจุดที่มีไฟไหม้ป่าทั้งในประเทศและนอกประเทศมีจำนวนกว่า 1,000 จุด วันนี้รัฐบาลได้ปรึกษาหารือกับประเทศเพื่อนบ้านไปแล้ว แต่ต้องเริ่มจากภายในประเทศของเราไปพร้อมกันด้วย อย่าให้ใครมาบิดเบือนในเรื่องต่างๆ เหล่านี้นำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นๆ อีก
จากนั้นเวลา 10.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.เชียงใหม่ ในวันพรุ่งนี้ (2 เมษายน) เพื่อร่วมประชุมติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานในพื้นที่ภาคเหนือว่า ต้องดูสถานการณ์ โดยตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ไปเป็นเดือนแล้ว ทั้งนี้ ปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือมาจากสองสาเหตุคือไฟป่าและจากในเมือง แม้เรามีความเข้มงวด แต่ปัญหาก็ลดลงได้น้อย โดยจากการตรวจสอบของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจิสด้า โดยรวมแล้วในหลายจังหวัดภาคเหนือและต่างประเทศ มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบกว่า 3,000 จุด ซึ่งเราต้องแก้ไขปัญหาตรงนี้ ขณะที่ในเขตเมืองก็ต้องเข้มงวด ประชาชนไม่ค่อยมีความสุขนัก เพราะต้องบังคับใช้กฎหมายและประชาชนต้องร่วมมือในการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ดี ไฟไหม้ป่าส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากไฟป่าอย่างเดียว แต่เกิดเพราะถูกจุดขึ้น ดังนั้น วันนี้จะต้องมีความร่วมมือในพื้นที่ผ่านกระทรวงมหาดไทย ในส่วนต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะหารือในเวทีอาเซียน เพื่อทำให้การแก้ไขปัญหาไฟป่ามีความยั่งยืน เพราะที่ผ่านมาเกิดขึ้นทุกปี เรามีการดำเนินการแก้ไขมาเป็นระยะ แต่ที่สำคัญคือเราไม่สามารถควบคุมพื้นที่ป่าได้มากนักเพราะเป็นพื้นที่ภูเขาสูง ดังนั้น ตนขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วย และทราบว่าเมื่อวันที่ 31 มีนาคม มีอาสาสมัครดับไฟป่าเสียชีวิต สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นผลดีกับประเทศชาติบ้านเมือง อยู่ที่ความเข้าใจและความรู้ว่าจะรักษาธรรมชาติอย่างไร ตนเห็นใจผู้มีรายได้น้อย แต่ไม่ว่าจะมีรายได้น้อยหรือมาก เป็นคนรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ก็ต้องช่วยกันแก้ปัญหาประเทศของเราให้ได้
เมื่อถามว่า ในการลงพื้นที่วันที่ 2 เมษายน จะได้ข้อสรุปมาตรการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการเบื้องต้นไปแล้ว แต่จะทำให้เข้มงวดมากขึ้น
โดยจะมีการแก้ปัญหาการจุดไฟในพื้นที่ป่า ที่มีการจับกุมดำเนินคดีไปหลายคดี แต่ก็ยังเกิดขึ้นอีก นั่นหมายความว่ากฎหมายไม่สามารถบังคับใช้ได้หมด จึงอยู่ที่การสร้างหัวใจของคนในพื้นที่ ซึ่งก็คือประชาชนคนไทย ส่วนต่างประเทศก็เป็นเรื่องของต่างประเทศที่จะต้องหารือร่วมกัน วันนี้ไม่ต้องมีขั้น 1 ขั้น 2 หรือ 3 เพราะจะต้องทำเรื่องเหล่านี้ให้ดีที่สุดพร้อมกับแสวงหาความร่วมมือจากต่างประเทศ มันคงไม่มีขั้นไหนได้อีกแล้ว เพราะสามารถใช้กฎหมายและขอความร่วมมือได้อย่างเดียว
เมื่อถามว่า พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ระบุมีกระบวนการลอบเผาป่าเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่จะต้องสืบสวนกันต่อไป ถ้าสอบแล้วพบว่าใครเป็นคนปลุกปั่นก็ไปหากันตรงนู้น อย่ามาเกี่ยวพันกันมากนัก คนที่ทำรู้ตัวเองอยู่แล้ว ตนยืนยันไม่ต้องการให้ทุกคนใช้เรื่องนี้ในทางการเมืองอีก ทุกอย่างเป็นการเมืองไปหมดประเทศชาติเดินไม่ได้ ตนคิดว่าสื่อรู้ทุกเรื่องและต้องเข้าใจด้วยวิจารณญาณของสื่อ เพียงแต่จะช่วยประเทศชาติกันอย่างไร ขอฝากตรงนี้ด้วยแล้วกัน