เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 2 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นักศึกษาเคลื่อนไหวล่ารายชื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า การจะเรียกร้องเกี่ยวกับการเลือกตั้ง จะต้องลงไปหาข้อเท็จจริงให้ได้ก่อน โดยต้องลงไปดูที่หน่วยเลือกตั้ง ที่มี 92,320 หน่วย ซึ่งมีคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งรับผิดชอบ หากพบการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาจะได้รับโทษถึงขั้นจำคุก แต่การตั้งข้อสงสัยนั้นก็สามารถทำได้ แต่ควรดำเนินการตรวจสอบควบคู่กันไป มิฉะนั้นประเทศจะเดินหน้าไปไม่ได้
“การตรวจสอบไปคนเดียวก็ได้ ไม่ต้องเข้าชื่อเป็นหมื่นคน หน่วยไหนโกงก็ต้องดูมา ไม่มีทางจะไปงุบงิบได้ ท่านก็รู้ดีว่าทุกอย่างรวมไปถึงการนับคะแนนก็มีคนบันทึกไว้ มีพยานหลักฐานทั้งหมด ไม่มีทางที่จะคลาดเคลื่อนไปได้ หรือแม้สมมุติว่ามีการคลาดเคลื่อน เช่น มีชื่อคนตายไปปรากฏเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คนก็ไปโทษ กกต. แต่กระทรวงมหาดไทยเป็นคนผิด เพราะเป็นผู้ทำบัญชีรายชื่อทั้งหมด ซึ่งถ้า 92,320 หน่วย ผิดอยู่หน่วยเดียว จะถือว่าโกงเลือกตั้งหรือ แต่ถ้าผิดเป็น 10 เป็น 100 หน่วยก็น่าสงสัยว่าทุจริต เพราะผิดแค่หน่วยเดียวผมคิดว่าเป็นฮิวแมนเออเรอร์“ พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ทุกหน่วยเลือกตั้งมีผู้รับผิดชอบ หากพบการกระทำความผิดยืนยันว่าจะต้องได้รับโทษ ถ้าพบว่ามีใครสั่งให้กระทำความผิดจะต้องได้รับโทษเช่นกัน แต่ไม่อยากให้กล่าวหาโดยไม่มีข้อเท็จจริง หากพบข้อเท็จจริงสามารถดำเนินการตามข้อเรียกร้อง เช่น การนับคะแนนใหม่ สืบสวนหาต้นตอของการกระทำความผิด ซึ่งการกระทำความผิดเหล่านี้มีโทษถึงขั้นจำคุกทั้งนั้น ทั้งนี้ ทุกคนเป็นปัญญาชนแล้ว หวังว่าจะเข้าใจ ถ้าทุกคนตั้งหลักที่จะให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ เราควรยึดถือกฎหมาย ตามหลักนิติธรรมใครผิดต้องโดนลงโทษ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ออกสารนายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของนักศึกษาและในโซเชียลมีเดีย พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า “ถ้าคุณเป็นคนไทยเหมือนกับเรา คุณคงอยากเห็นประเทศไทยสงบ เจริญ การจะทำอะไร ทุกคนต้องดูตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย หากผิดจากกฎหมายจะต้องมีโทษ เชื่อว่านายกรัฐมนตรียังอยากให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวไปในทิศทางที่สร้างสรรค์เพื่อให้ประเทศเดินหน้า ผมก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่รักความถูกต้อง และทุกอย่างต้องเดินหน้าไปตามกฎหมาย”
