นายกฯ ปลุก อาเซียนจัดตั้งกลไกบริหารจัดการชายแดน หวังป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ

นายกฯ ปลุก อาเซียนจัดตั้งกลไกบริหารจัดการชายแดน หวังเสนอที่ประชุมสุดยอดอาเซียน พ.ย.นี้ ยก 3 ข้อปฏิบัติรูปธรรม สร้างสมดุลความมั่นคง-เศรษฐกิจ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 เมษายน ที่อาคารประชุมสหประชาชาติ ถ.ราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ร่วมพิธีเปิดและกล่าวปาฐกถาในการประชุมผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงจากกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน เรื่องการป้องกันรักษาความปลอดภัยของเขตชายแดนร่วม (High Level Regional Conference – Synchronizing Trade and Security Plans in Support of ASEAN 2025) ซึ่งรัฐบาลไทยและสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ(UNODC)ได้จัดขึ้น โดยมีรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากประเทศในภูมิภาคอาเซียนและประชาคมนานาชาติเข้าร่วม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีที่ได้มาร่วมพิธีเปิดการประชุมระดับภูมิภาคภายใต้หัวข้อ “การประสานแผนการค้าและความมั่นคงเพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2025” ประจำปี 2562 เพื่อหาแนวทางส่งเสริมบูรณาการ ระหว่างมิติทางเศรษฐกิจและมิติด้านความมั่นคง ที่สอดคล้องกับเอกสารวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการส่งเสริมความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดนในภูมิภาคอาเซียน ส่งเสริมการค้าระหว่างกันในอาเซียนให้เป็นไปด้วยความปลอดภัย ตนรู้สึกยินดีที่ได้ทราบว่าไทยกับ UNODC ได้ร่วมกันจัดประชุมในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ พ.ศ.2558 และการประชุมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 โดยเชื่อมั่นว่าการประชุมครั้งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือในการบริหารจัดการชายแดนระหว่างประเทศอาเซียนที่ยั่งยืนและเป็นรูปธรรม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ ทุกคนทราบดีว่าปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ความเชื่อมโยงของระบบคมนาคมขนส่งในภูมิภาค ตลอดจนความนิยมใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบดิจิทัลในรูปแบบต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน เช่น การติดต่อสื่อสาร การทำธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งหากไม่มีมาตรการป้องกันและปราบปรามที่เหมาะสม อาจจะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อการก่ออาชญากรรมข้ามชาติที่มีความซับซ้อน และส่งผลกระทบอย่างรอบด้านและกว้างขวาง ทั้งนี้ จากผลการศึกษาของ UNODC ชี้ให้เห็นว่า ในแต่ละปีมีรายได้ที่เกิดจากอาชญากรรมข้ามชาติในรูปแบบต่างๆ ทั้งปัญหาจากยาเสพติด การค้ามนุษย์ การค้าสัตว์ป่าและไม้ที่ผิดกฎหมาย รวมถึงภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ เช่น ด้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ โดยในปีนี้ อาเซียนจะเริ่มใช้ระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน หรือ ASEAN Single Window (ASW) ซึ่งจะเชื่อมโยงระบบข้อมูลศุลกากรแบบบูรณาการ ลดขั้นตอนด้านศุลกากรระหว่างประเทศอาเซียน เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าข้ามแดน ซึ่งจะทำให้การเปิดเสรีทางการค้าของอาเซียนมีความสมบูรณ์มากขึ้น

Advertisement

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ อาเซียนมีแผนที่จะส่งเสริมการสร้างประชาคมอาเซียนให้มีการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ตามแนวทางภายใต้แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. 2025 อันจะส่งผลโดยอ้อมให้พื้นที่บริเวณชายแดนมีความเปราะบางและสุ่มเสี่ยงต่อการถูกกลุ่มอาชญากรข้ามชาติใช้แสวงหาประโยชน์ดำเนินกิจกรรมผิดกฎหมายและก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐได้ โดยประเทศสมาชิกอาเซียนตระหนักดีถึงปัญหานี้ และได้ร่วมกันจัดทำเอกสารวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2025 และแผนงานประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2016 – 2025 โดยไทยเห็นว่า อาเซียนควรร่วมกันกำหนดแนวทางที่จะพัฒนากรอบความร่วมมือในการบริหารจัดการชายแดนระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อป้องกันภูมิภาคจากภัยคุกคามที่มาจากอาชญากรรมข้ามชาติ ตลอดจนให้เกิดการไหลเวียนของการค้า การลงทุน และประชาชนข้ามพรมแดนอย่างปลอดภัยและยั่งยืน

นายกฯกล่าวว่า ในปี 2562 ประเทศไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนภายใต้แนวคิดหลัก “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” มุ่งเสริมสร้างให้ภูมิภาคอาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีความยั่งยืนในทุกมิติ โดยเฉพาะความมั่นคงที่ยั่งยืน มีภูมิต้านทานต่อภัยคุกคามและอาชญากรรมข้ามชาติในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นเรื่องที่ทุกประเทศในภูมิภาคจะต้องร่วมมือกัน ด้วยเหตุนี้ อาเซียนจึงควรร่วมกันจัดตั้งกลไกความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดนในอาเซียน เพื่อเป็นกลไกในการสร้างสมดุลระหว่างการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการเคลื่อนย้ายคน กับการรักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ตนหวังว่า ที่ประชุมจะมีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในแง่มุมต่างๆ และนำไปสู่แนวทางการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ใน 3 ประเด็น คือ

1. การแลกเปลี่ยนข่าวสารและข่าวกรองระหว่าง UNODC และ กลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อร่วมกันสกัดกั้นภัยคุกคามร้ายแรงที่บั่นทอนสังคมและประชาชน และมีส่วนเป็นอุปสรรคทางการค้า
2. ความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและความท้าทายข้ามพรมแดนต่างๆ อย่างเป็นระบบ
3. การส่งเสริมการพัฒนาในพื้นที่ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำตามข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน โดยเฉพาะการส่งเสริมหุ้นส่วนในการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SEP for SGDs Partnership)

Advertisement

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมควรจะมีการหารือในมิติของกรอบการใช้กฎหมายและการเพิ่มขีดความสามารถเชิงปฏิบัติการเพื่อการบริหารจัดการชายแดนอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มเติมด้วย โดยไทยจะนำผลการประชุมในครั้งนี้ ไปขยายผลเพื่อเสนอต่อที่ประชุมอาเซียนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการนำเสนอแนวคิดเรื่องการจัดตั้งกลไกความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดนในอาเซียนต่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติและการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ (AMMTC) ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพในปีนี้ หากอาเซียนสามารถมีฉันทามติได้ในเรื่องนี้ก็จะนำเสนอต่อให้ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 พิจารณาให้ความเห็นชอบในเดือนพฤศจิกายนนี้ต่อไปด้วย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนหวังว่าการประชุมนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดนระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างกว้างขวาง และขยายผลพัฒนาไปสู่การจัดตั้งกลไกความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดนในอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต

“ในนามนายกรัฐมนตรี ประเทศไทย และคนไทยทุกคน ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งในการเข้ามาร่วมประชุมและใช้ประเทศไทยเป็นเวทีหารือ ในฐานะเจ้าภาพ ยินดีต้อนรับทุกท่าน ขอให้ทุกคนมีความสุขและปลอดภัยในประเทศไทยทั้งวันนี้และตลอดไป ทั้งนี้ ขอฝากความระลึกถึงไปยังผู้นำของประเทศต่างๆ ว่าประเทศไทยและรัฐบาลไทยยินดีและพร้อมจะร่วมมือกับทุกประเทศในทุกมิติในทุกเวทีโลกในปัจจุบัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image