‘หมอทศพร’ ซัด กกต. ซ้ำ จี้ตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ‘คำนวณมั่ว’ หรือ ‘จงใจแจกพรรคเล็ก’

นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.แพร่ พรรคไทยรักษาชาติ ที่ต้องหมดสิทธิไปเมื่อพรรคถูกลงโทษด้วยการยุบพรรค ทำให้พลาดการเข้าสู่การเลือกตั้ง นายแพทย์ทศพรยังคงดำเนินการทางการเมืองล่าสุดได้ย้ายกลับไปอยู่ พรรคเพื่อไทย นายแพทย์ทศพรได้ออกมาเคลื่อนไหวทางเฟซบุ๊กช่วงเวลาตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนเป็นต้นมา ในประเด็นการเมืองช่วงที่ กกต.อยู่ระหว่างการรวมคะแนน ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สำคัญทำให้มีผลต่อจำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรคที่จะรวมตัวจัดตั้งรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้านอย่างมาก แต่ข่าวที่ออกมาเป็นการคำนวนที่ไม่ถูกต้อง หรือล่าช้าออกไปทำให้มีผลต่อการทำงานการเมืองต่อ

นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์กล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาเหมือนจะเรียบร้อยแต่ก็ไม่เรียบร้อย กกต.ไม่ยอมประกาศผลคะแนน จนประชาชนออกมากดดันจึงประกาศผลคะแนน ส.ส.เขตจำนวน 350 คน ประกาศออกมาแล้วพรรคไหนได้กี่คน ยังติดอยู่ที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน ซึ่งต้องเอาคะแนนทุกคะแนนมาคิด ซึ่ง กกต.ไม่ยอมเปิดผลการคำนวน ยิ่งกลายเป็นข้อกังขาของประชาชน จึงขอใช้โอกาสนี้ทำความกระจ่างให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งมีอยู่ 2 หลัก หลักแรกคือ หลักกฎหมาย หลัก 2 คือ หลักคณิตศาสตร์ หลักกฎหมายดูจาก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 128 ซึ่งระบุไว้ชัดแล้ว หลักคณิตศาสตร์ ก็คือการบวกลบคูนหารทั่วไป การลงคะแนนในครั้งนี้มีบัตรดี บัตรเสีย พบว่ามีคะแนนทั้งประเทศ 35,532,647 คะแนน ไปหารด้วย 500 จะเท่ากับ 71,065.294 ดังนั้นคะแนนเสียงต่อ ส.ส. 1 คน คือ 71,065.294 คะแนน เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ถ้าพรรคไหนมีคนมาเลือก 71,065.294 คนจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน ทีนี้มาคำนวณดูว่า แต่ละพรรคจะมี ส.ส.ได้กี่คน ถ้าจำนวน ส.ส.เขตที่ได้ไปแล้วมีน้อยกว่าจำนวน ส.ส.ที่พึงมี จึงให้เพิ่ม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตามตำแหน่ง ส.ส.ที่พึงมี พรรคใดที่ได้ ส.ส.เขต มากกว่า ส.ส.พึ่งมี ก็จะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มเติมอีก

พรรคพลังประชารัฐจำนวน ส.ส.พึ่งมี เอาจำนวนผู้เลือกตั้ง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 8,433,137 คะแนนหารด้วย 71,065.294 เท่ากับ 118.6674 คือพรรคพลังประชารัฐควรมี ส.ส. จำนวน 118 คนเศษ ส่วนพรรคเพื่อไทยทำวิธีเดียวกันหารออกมาแล้วจะมี ส.ส.พึงมี 111.4557 คน และพรรคอนาคตใหม่ ส.ส.พึงมีคือ 88.1717 คน พลังประชารัฐได้ ส.ส.เขตไปแล้ว 97 คน ควรได้ ส.ส.เพิ่มอีก เพื่อไทยได้ไปแล้ว 137 คน พรรคอนาคตใหม่ 30 คน นำจำนวน ส.ส.พรรคที่ควรจะมีไปลบออกจาก ส.ส.เขตยังขาดอีกเท่าไหร่ ก็จะเป็น จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ควรจะได้ ไปดูพรรคพลังประชารัฐควรมี ส.ส.พึงมี 118.6674 คน ได้ ส.ส.เขตไปแล้ว 97 คนก็ควรจะได้ ส.ส.เพิ่มอีก 27.6674 คน พรรคเพื่อไทยควรมี ส.ส.พึ่งมี 111.4557 คนแต่ได้ ส.ส.เขตไปแล้ว 137 คนเกินจำนวน ส.ส.พึงมีทำให้ไม่ได้ ส.ส.เขตเลย ส่วนพรรคอนาคตใหม่ ส.ส.พึงมี 58.4747 คน ก็จะได้ ส.ส.เขตไล่บัญชีไปตามลำดับ ซึ่งตามตารางของคะแนน ส.ส.ทุกพรรคจะถูกคิดเหมือนกันนี้ ดูพรรคสุดท้ายที่ได้คะแนนน้อยที่สุดคือ พรรคกสิกรไทย มีคะแนน 183 คน ควรมี ส.ส. 0.0026 คน

จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคได้ รวมกันแล้วจะเป็นเท่าไหร่ ลองปัดเศษทิ้งก่อน พรรคพลังประชารัฐควรได้ 27 คน พรรคอนาคตใหม่ควรได้ 58 คน ก็ไล่ไปตามลำดับจนครบทุกพรรค พอได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อทั้งหมด มี 152 คน ดูแล้วเกิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ แปรว่า พรรคการเมืองที่มีส่วนแบ่ง ส.ส.ไม่ถึง 1 คน ไม่ต้องนำมาคิดแล้ว ซึ่งรายชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อตามกฎหมายมีเพียง 150 คน ก็ต้องเทียบบัญญัติไตรยางค์อัตราส่วนเอา ไปดูที่พลังประชารัฐที่มี ส.ส.ได้ 21 คน เท่ากับ 21 คูณ 150 หารด้วย 152 ทำอย่างนี้ไปทุกพรรค เป็นการคำนวณตามกฎหมายเลือกตั้ง (5 ) ปรากฏว่าพรรคการเมืองทุกพรรคที่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเกิน 150 คนให้นำจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อคูณด้วย 150 และหารด้วย 152 ถ้าเกินให้นำ กฎหมาย( 4 ) มาใช้ในการคำนวน

Advertisement

ตาม (7) มาตรา 128 พ.ร.บ.เลือกตั้ง บอกไว้แบบเดียวกันว่าให้นำจำนวนผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อคูณด้วย 150 หารด้วยผลบวกของ 150 จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่เกินจำนวน 150 คนกฎหมายเขียนไว้เป็นหลักการเดียวกัน พอมาคำนวณอีกรอบจะมีจุดทศนิยม พรรคพลังประชารัฐจาก 21 ก็จะเป็น 20.237 อนาคตใหม่จาก 58 จะเป็น 57.2368 ปชป. 22 จะเป็น 21.7123 เอาจำนวนเต็มมาร่วมกันจะได้ 138 ส่วนอีก 12 คนดูจากทศนิยม พรรคใดเหลือมากกว่าจะได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นอีก 1 คนทำให้มีผู้แทน ส.ส.บัญชีรายชื่อกระจายไปตามพรรคเล็กๆ ตามลำดับ

สรุป พรรคพลังประชารัฐ ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 21 อนาคตใหม่ 57 ประชาธิปัตย์ 21 ภูมิใจไทย 13 เสรีรวมไทย 11 ชาติไทยพัฒนา 5 เศรษฐกิจใหม่ 6 เพื่อชาติ 5 รวมพลังประชาชาติไทย 4 ชาติพัฒนา 2 พลังท้องถิ่นไทย 2 รักษ์ผืนป่าประเทศไทย 1 พลังปวงชนไทย 1 พลังชาติไทย 1 เป็นอันว่าครบ 150 คน
นายแพทย์ทศพรกล่าวว่า การคำนวณแบบนี้จึงถูกต้อง จะนำข้อมูลนี้ยื่นต่อ กกต. ในวันที่ 9 เมษายนนี้ เพื่อให้การคำนวณของ กกต.ถูกต้องไม่สับสนอีกต่อไป ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่กำลังบานปลายและอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ของการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงขอช่วยแก้ปัญหาให้จบลงโดยเร็ว

นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.จังหวัดแพร่ กล่าวว่าจากการที่มีข่าวว่า ทางศูนย์ปฎิบัติการข่าวสำนักงาน กกต.ได้ชี้แจงถึงการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อว่า มีพรรคที่ได้รับการจัดสรรไม่น้อยกว่า 25 พรรคการเมือง ได้ฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะผมเองได้ศึกษารัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 อย่างละเอียดและได้ทำตารางคำนวณออกมา พบว่าวิธีการคำนวณที่ถูกต้องทั้งตามกฎหมายและหลักคณิตศาสตร์ที่ถูกต้องมีเพียงวิธีเดียว ซึ่งจากตัวเลขคะแนนเสียงปัจจุบันที่มีอยู่จะคำนวณได้ว่ามีพรรคการเมืองที่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 14 พรรค เท่านั้น

ส่วนวิธีที่ กกต.คิดว่ามีพรรคเล็กเพิ่มมาอีกพรรคละ 1 เสียง 11 พรรคนั้น ก็ได้ศึกษาทดลองคำนวณดูได้ตัวเลขตามแบบ กกต.จริง แต่เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้ เมื่อหลายวันก่อน นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า กำลังทาบทามพรรคเล็กๆ ที่มี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคละ 1 คน มาร่วมรัฐบาลกัน อันนี้หรือเปล่าที่เป็นเหตุผลให้มีการพยายามคิดวิธีที่ 2 ออก ผมได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง กกต. โดยจะเอาไปยื่นในวันอังคารนี้ ด้วยความเป็นห่วง กกต.ไม่อยากให้ทำผิดกฎหมาย ยินดีจะเข้าไปพูดคุยแนะนำวิธีการคิดคำนวณกับ กกต.

ทั้งนี้ได้ post คลิปวิธีการคิดคะแนนที่ถูกต้องใน Faecbook นพ.ทศพร เสรักษ์ แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image