เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่นายแทนคุณ หรืออี้ จิตต์อิสระ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล อดีตส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย เรื่องกระทำละเมิดจากการกล่าวปราศรัยโจมตี ให้ร้ายนายแทนคุณ โจทก์ ต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ที่เขตเลือกตั้งดอนเมือง ส่งผลกระทบถึงสิทธิ ชื่อเสียง หรือเกียรติคุณ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง โจทก์จึงขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย 5 ล้านบาท
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นายการุณ จำเลย ชดใช้เงิน 5 แสนบาทแก่โจทก์ ต่อมานายแทนคุณ โจทก์ และนายการุณ จำเลย ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์และจำเลยลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. เขตเลือกตั้งเดียวกัน โดยนายแทนคุณ โจทก์ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนนายการุณ จำเลย สังกัดพรรคเพื่อไทย โดยการปราศรัยของจำเลยที่กล่าวถึงลักษณะคู่แข่งเป็นนัยนั้น มีลักษณะตรงกับโจทก์มากกว่าคนอื่นๆ และพึงรู้ได้ว่าเป็นโจทก์ โดยเป็นการปราศรัยต่อประชาชนจำนวนมาก ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง เกียรติคุณของโจทก์ ซึ่งกำลังรณรงค์ให้ประชาชนเลือกโจทก์เป็นส.ส. เป็นตำแหน่งที่สำคัญอย่างยิ่งในระบอบประชาธิปไตย จึงสมควรกำหนดค่าเสียหายให้นายแทนคุณ โจทก์เพิ่มอีก 5 แสนบาท พิพากษาแก้เป็น ให้นายการุณ จำเลย ชำระเงินสด 1 ล้านบาทชดใช้ให้นายแทนคุณ โจทก์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีดังกล่าว เนื่องจากนายแทนคุณ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายการุณ ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 เมื่อปี 2555 ต่อศาลอาญา โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 3 และ 12 มิถุนายน 2554 นายการุณ ได้กล่าวปราศรัยหาเสียงในการลงสมัครเลือกตั้งส.ส.กทม. ที่ตลาดนัดบุญอนันต์ และตลาดโกสุมรวมใจ เขตดอนเมือง เกี่ยวกับชาติตระกูล การเปลี่ยนชื่อ นามสกุล และยังอ้างถึงการถ่ายภาพในนิตยสารฉบับหนึ่ง โดยคดีอาญานี้ศาลพิพากษาเมื่อเดือนมกราคม 2558 ให้จำคุกนายการุณ 1 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ฐานหมิ่นประมาทฯ เนื่องจากเห็นว่าพฤติการณ์ปราศรัยหมิ่นประมาทโจทก์ผ่านเครื่องกระจายเสียงในบริเวณสาธารณะต่อหน้าประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จนใจทำให้กระทบความน่าเชื่อถือและคะแนนนิยม เป็นการทำลายคู่แข่งทางการเมือง ทำให้การเลือกตั้งส.ส.ในเขต 12 ไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการเลือกตั้ง จากกรณีดังกล่าว นายการุณ ยังถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปี โดยศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2556