ผู้เขียน | ชโลทร |
---|
…หยุดยาวสงกรานต์ แต่ดูเหมือนเรื่องราวบ้านเมืองไม่หยุดไปด้วย หลายเรื่อง “ร้อนเสียยิ่งกว่าแดดกลางเดือนเมษาฯ” โดยเฉพาะ “โยกย้ายแต่งตั้งตำรวจปีนี้” กระซิบกันให้แซ่ด ของ “คนที่ความหวังเคยเต็มเปี่ยมกลับต้องออกแรงสร้างความหวังขึ้นมาใหม่” ขณะที่ “คนที่สิ้นหวังไปแล้วทั้งหลายกลับแช่มชื่นขึ้นมาเพราะได้สัมผัสช่องทางของความหวังอีกครั้ง”
…บานทะโร่ไปใหญ่โต สำหรับ “คณะทูต” ที่มาร่วมฟัง “ตำรวจ” สอบปากคำ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง หลัง “รมว.ต่างประเทศ-ดอน ปรมัตถ์วินัย” ตั้งข้อสงสัยว่า “ทูตจริงหรือทูตปลอม” พร้อมประกาศจะเรียกตัวมาสอบ ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พลอยไม่รู้ไปด้วย เอามาถามผู้สื่อข่าวว่า “ทูตปลอมหรือเปล่า” ตามด้วยข้อกล่าวหารุนแรงว่า “ผิดมารยาททางการทูต” เลยไปถึงขั้นจะเรียกตัวมาสอบ เกิดเสียงวิจารณ์ให้ขรมด้วยคำถามว่า “เลอะเทอะ” หรือไม่
…เรื่อง “ทูตจริงหรือปลอม” มีคำถามไปถึงการทำหน้าที่ของ “กระทรวงการต่างประเทศ” และ “ฝ่ายข่าวของรัฐบาล” ว่าอาการหนักถึงขนาด “ไม่ทำการบ้านเลยหรือว่าใครเป็นใคร” บุคคลระดับนี้เคลื่อนไหว ยังไม่รู้ว่า “ใครเป็นใคร” เลยเกิดความสงสัยว่า ดูแลความมั่นคงกันแบบนี้ ไม่เป็นภัยเสียเองหรือ ยิ่งปล่อยให้ระดับ “ผู้นำประเทศ” ขาดความรู้ในเรื่องแบบนี้ “ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ อยู่ดีมีสุขกันหรือ”
…เป็นห่วงว่าจะเละเป็นโจ๊กกันไปใหญ่ หาก “กระทรวงการต่างประเทศ” ไปเชิญ “คณะทูต” มาสอบสวน ฐานผิดมารยาททูต เพราะ “การหาข่าว” เป็นหน้าที่ปกติของ “เจ้าหน้าที่ทูต” ที่ต้องเขียนรายงานให้ประเทศต้นสังกัดได้รับรู้ความเคลื่อนไหวที่จะบ่งบอกถึงแนวโน้มทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร ทุกคนที่ได้สัมผัสการทำงานของสถานทูต ย่อมรู้ว่า “นี่เป็นงานปกติ” ความผิดปกติอยู่ที่ “กระทรวงการต่างประเทศ” ไม่ส่งเจ้าหน้าที่ไปรับหน้า “คณะทูต” ทั้งที่กำหนดการไปให้ปากคำตามหมายเรียก ประกาศวันเวลาชัดเจนไว้ล่วงหน้า “กระทรวงการต่างประเทศ” กระทั่ง “สังหรณ์ใจ” สักนิดก็ไม่มี หรือว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นนี้น่าจะเป็นที่สนใจของนานาชาติ” จึงวางเฉยกระทั่งไม่ส่งใครไปดูลาดเลา
…หลังหลายฝ่ายส่งเสียงเตือนเรื่อง “ระบบคิดคะแนน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์” ด้วยเกรงว่า “กกต.” จะทุ่มเทกับวาสนาของตัวเองเกินตัว ตัดสินที่จะใช้วิธี “เสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง” ด้วยสูตร “ฐานคะแนน ส.ส.พึงมีไม่คงที่” เปลี่ยนไปตาม “พรรคที่อยากให้ได้ ส.ส.มาเสริม” ที่นักวิชาการกฎหมายชี้ให้เห็นว่า “ขัดรัฐธรรมนูญ” ที่ “ห้ามพรรคการเมืองได้ ส.ส.เกินกว่าที่บวกลบคูณหารที่พึงมี” ล่าสุด “กกต.” ยอมรับเสียงเตือน แต่ยังไม่ทิ้งเป้าหมายเดิม เพียงแต่หลบเข้า “คอมฟอร์ทโซน” ด้วยการยื่นเรื่องให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” เป็นผู้ตัดสิน หาหลังอิงให้ตัวเอง “ไม่ต้องรับผิด”
…แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นใช่ว่าจะจบ เสียงครหาเรื่อง “การแข่งขันที่กติกาตั้งขึ้นหลังรู้ผล” ทำให้เกิดการถกเถียงถึงความได้เปรียบเสียเปรียบ ไปสร้างเหตุผลความชอบธรรมให้เกิดความหวังว่าจะได้ขึ้นมา แล้วหากมาเปลี่ยนภายหลังให้ “ฝันสลาย” ย่อมหนีไม่พ้นถูกคัดค้าน ต่อต้าน เพียงแต่เปลี่ยนผู้รับหน้าเป็น “ศาลรัฐธรรมนูญ” ที่มี “กฎหมายให้การคุ้มกันการถูกถล่มมากกว่า” ด้วยเป็น “องค์กรอิสระ” ในชื่อของ “ศาล” ซึ่งอ้างความคุ้มครองตามกฎหมายได้มากกว่า “กกต.” เพียง “ความยุติธรรมที่เรียกร้องด้วยปาก” อาจถูก “ปิด” ได้ แต่ “ความยุติธรรม” จะเสื่อมไปในใจคนหรือไม่ “ไม่เกี่ยวกับกฎหมาย”
…ไม่ว่าจะมั่นใจเต็มร้อยระดับ “วงพนัน” ให้ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นต่อ “3-1” แต่เรื่องราวหลากหลายที่เกิดขึ้น ณ วันนี้ เริ่มสะท้อนอะไรบางอย่าง ให้ “คนเล่นมวยรอง” กระดี๊กระด๊าขึ้นมาบ้างแล้ว ยิ่งนับวันเสียงพูดถึง “รัฐบาลแห่งชาติ” เริ่มได้ยินถี่ขึ้น แม้ว่าจะยังมีคนอ้าง “กฎหมาย” ไม่เปิดช่องให้ แต่ก็มีเสียงถามกลับว่า “ประเทศนี้ไม่ใช่เขียนกฎหมายเอาตามใจที่อยากให้เป็นได้ทุกเมื่อหรือ” ถ้าจะเขียนอีกครั้ง เพื่อให้เกิดข้อยุติร่วมกัน อันจะนำพาประเทศก้าวสู่อนาคตได้ “เรียบร้อย” แบบไม่ใช่ “ราบคาบ” จะเป็นไรไป
…การประชุมใหญ่สามัญ สมาคมธรรมศาสตร์ เมื่อบ่ายวันที่ 5 เมษายน 2562 ที่สมาคมธรรมศาสตร์ ซอยงามดูพลี ในวาระการเลือกนายกสมาคมฯ คนใหม่ ปรากฏว่าที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ เลือก นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร CEO ปตท. เป็นนายกสมาคมธรรมศาสตร์ท่านต่อไป สำหรับนายชาญศิลป์ เป็นศิษย์เก่าคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นประจำปี 2560 และนับเป็นผู้บริหารสูงสุดคนแรกของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ที่จบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ชโลทร