ไม่ว่าแนวคิดว่าด้วยนายกรัฐมนตรี “คนกลาง” ไม่ว่าแนวคิดว่าด้วย “รัฐบาลแห่งชาติ” หรือที่แปรเปลี่ยนกลายเป็น “รัฐบาลปรองดอง” มิได้มาจากพรรคหรือกลุ่มกระแสหลัก
หากแต่ดังออกมาจากพรรคหรือกลุ่มอันเป็นกระแส “รอง”ใน ทางการเมือง
ขอให้ติดตามพรรคหรือกลุ่ม 6 พรรคที่ร่วมลงนามเป็น”สัตยา บัน” ณ โรงแรมแลงคาสเตอร์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ไม่มีเลยที่พวก
เขาจะแตกแถว
ขณะเดียวกัน ขอให้ติดตามท่าทีของพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่ได้ยินคำว่า “รัฐบาลแห่งชาติ” ก็ปฏิเสธเสียงแข็งและด้วยความมั่นคง
พรรคและกลุ่มกระแส”รอง”ต่างหากที่ดิ้นรน
ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม การแยกเป็น 2 ขั้วใน ทางการเมืองก็มีความเด่นชัด สำแดงออกอย่างเป็นรูปธรรมแน่ว แน่ไม่สั่นคลอน
แนวทาง 1 สืบทอดอำนาจคสช. ผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
แนวทาง 1 คัดค้าน ต่อต้าน การสืบทอดอำนาจของคสช. ไม่เห็นด้วยที่จะยกมือสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
แม้ว่าบางส่วนในแนวทางนี้จะเพ้อฝันว่าอาจได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ด้านหลักปักใจที่จะเป็นฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
ลองไปสำรวจดูอย่างจริงจังข้อเสนอ ไม่ว่าจะว่าด้วยนายกรัฐมนตรี “คนกลาง” ไม่ว่าจะว่าด้วย”รัฐบาลแห่งชาติ”จะไม่ได้มาจาก 2 กระแสหลักข้างต้น หากมาจากพรรคและกลุ่มอันถือว่าเป็นกระแส”รอง”
เป็นความคิดหวัง “ปาฎิหาริย์” อาศัย” อำนาจพิเศษ”
ที่เห็นว่าประเทศมาถึงทางตัน แท้จริงแล้วมิได้เป็นทางตันเลยเนื่องจากเพียงพรรคพลังประชารัฐหาเสียงสนับสนุนรวมแล้ว 126 เสียง ก็จะสามารถจัดตั้งรัฐบาล
และชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีได้
เพราะว่าโดยพื้นฐานก็มี 250 ส.ว.อยู่ในมืออยู่แล้ว นี่คือแม่ เหล็กแท่งมหึมาที่จะดูดกลุ่มกระแสรองไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ให้มาเป็นพวกได้
หลังวันที่ 9 พฤษภาคม ก็มีความแจ่มชัด ไผเป็นไผ