ทั้งๆ ที่ “คสช.”สามารถประกาศและบังคับใช้”ร่างรัฐธรรมนูญ”ได้แล้วทำไมจะต้องมี “ประชามติ”
หลายๆ คนที่อยู่แวดล้อม”คสช.”เริ่มรู้สึก
อย่างน้อยสปท.ระดับ นายวันชัย สอนศิริ ย่อมคิด อย่างน้อยสปท.ระดับ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ย่อมคิด
หรือสนช.ระดับ พล.อ.สมเจตน์ บูญถนอม ก็คิด
ไม่จำเป็นต้องไปถามสนช.ระดับ นายสมชาย แสวงการ หรือระดับ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์
เพราะว่า “คสช.”อยู่ในฐานะ”รัฎฐาธิปัตย์”
เพราะว่าการประกาศและบังคับใช้ “รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557″ก็ทำมาแล้ว
ไม่เห็นจำเป็นต้องมี “ประชามติ”
ไม่เห็นจำเป็นต้องมี พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559
กระทั่งเดือดร้อนไปถึง นายมีชัย ฤชุพันธุ์
กระทั่งเดือดร้อนไปถึง พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด
ล้วนแต่คนสำคัญ ล้วนแต่คนใหญ่คนโต
ตัวอย่างสดๆ ร้อนๆ จากร้อยเอ็ด และสงขลา เป็นอีกเรื่อง 1 ที่จะก่อให้เกิดเสียงอุทาน “กูละเบื่อ”
เพราะชาวบ้านที่ร้อยเอ็ดไปร้องทุกข์ต่อ”กกต.”กล่าวโทษ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อาจผิดมาตรา 61
จากคำพูดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ว่า
“ถ้าสิ่งที่เราตัดสินใจมาอาจจะถูกใจหรือไม่ค่อยถูกใจท่านทั้ง หลายก็ขอให้คิดซะว่า คน 21 คนคิดมาได้อย่างนี้มันอาจจะต่างจาก คน 200 คนคิด
“แต่มาวันนี้มันแก้อะไรไม่ได้แล้วก็คงต้องเดินหน้ากันไปเพื่อที่จะทำให้มันเกิดผลสัมฤทธิ์ แล้วถ้ามันเกิดขาดตกบกพร่องอะไรในวันข้างหน้าก็ให้เขาไปแก้ไขกันเอาเอง”
เช่นเดียวกับชาวบ้านที่สงขลาก็ระบุว่า พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อาจผิดมาตรา 54 และมาตรา 61
พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559
ทั้งๆที่คำประกาศของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.ที่จะจัดตั้ง“ศูนย์ปราบโกง”
คือ วันที่ 5 มิถุนายน
แต่นี่แค่วันที่ 23 พฤษภาคม ครบรอบ 2 ปีแห่งการรัฐประหาร การร้องทุกข์กล่าวโทษก็ปรากฏขึ้นแล้ว
1 ที่ร้อยเอ็ด 1 ที่สงขลา
ทั้งยังเป็นการกล่าวโทษ 1 นายมิชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 1 พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
กว่าจะถึงวันที่ 7 สิงหาคม คงมีอีกบานตะไท
