การเดินทางไปต่างประเทศของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กำลังได้ รับการจับตาติดตามอย่างเป็นพิเศษ
เนื่องจากเป้าหมายแรก คือ สวิสเซอร์แลนด์
นั่นก็คือ นครเจนีวา อันเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ
แสดงว่าทริปนี้มิได้เป็นเรื่องบังเอิญ
ตรงกันข้าม เพราะองค์กรระดับนี้ย่อมมิใช่ห้างสรรพสินค้าที่ใครก็สามารถเดินทางเข้าไป จำเป็นต้องมีการติดต่อและนัดหมาย เอาไว้ก่อน
รูปธรรมนี้จึงเท่ากับว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ประสานและตระเตรียมร่วมกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่เอาไว้ก่อนแล้ว
ตระเตรียมตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง 24 มีนาคม
บทบาทและความหมายอย่างสำคัญของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มิได้อยู่ที่ว่าเขาเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประการเดียว หากแต่อยู่ที่องค์ประกอบ 2 ประการ
1 คือ ผลงานและความสำเร็จของพรรคอนาคตใหม่ในการ เลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม
ปรากฏว่าได้รับเลือกตั้งด้วยจำนวนมากกว่า 80 คน
พรรคอนาคตใหม่กลายเป็นพรรคอันดับ 3 เป็นรองเฉพาะ พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ
และอยู่ในสถานะที่เหนือกว่าพรรคการเมืองเก่า ไม่ว่าจะเป็น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา
1 คือผลสะเทือนที่พรรคอนาคตใหม่ประสบอย่างผิดสังเกต
โดยเฉพาะต่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล
ไม่ว่าจะเป็นการร้องเรียนจากฝ่ายตรงข้าม การแจ้งความกล่าวโทษจาก คสช.
ไม่ว่ากำหนดนัดหมายระหว่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับสำนัก งานข้าหลวงใหญ่อันเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติจะเกิดขึ้นเมื่อใด
สภาพที่พรรคอนาคตใหม่ประสบสอดรับอย่างเหมาะเจาะ
แม้ว่าจะไม่สามารถยับยั้งความพยายามในการเตะสกัดขาจากฝ่ายที่ต้องการกำกัด กำจัดและขจัด
แต่ทั้งหมดก็อยู่ในสายตาของ “สหประชาชาติ”