‘ธนาธร’ ไฟเขียวดีแทคเผยสัญญาณมือถือ 8 ม.ค. จบปมหุ้น ดักคอ กกต.รับผิดชอบสูตรคิดปาร์ตี้ลิสต์

เมื่อวันที่ 27 เมษายน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ให้สัมภาษณ์กับนายสุทธิชัย หยุ่น นักสื่อสารมวลชนชื่อดัง ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ถึงกรณีที่ กกต.แจ้งข้อกล่าวหาเรื่องการโอนหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ว่า ไม่แปลกใจที่ ตนเอง แกนนำคนอื่นๆ และพรรคมีเรื่องถูกโจมตีมากมาย เพราะพรรคมีจุดยืนอย่างมั่นคงในการต่อการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ ซึ่งทุกคดีที่ถูกกล่าวหา เรามั่นใจในความบริสุทธิ์ว่าไม่มีคดีไหนที่จะเอาผิดตนและแกนนำพรรคได้ พวกเราทำงานการเมืองด้วยความบริสุทธิ์ใจและอยากเห็นการเมืองเดินไปข้างหน้า ดังนั้นเราไม่มีควรกังวลใดๆ ทุกวันนี้ยังคงทำกิจกรรมทางการเมือง พบปะพี่น้องสมาชิกและดูปัญหาในชุมชนอย่าวต่อเนื่อง จนถึงวันนี้ตนและกรรมการบริหารพรรคท่านอื่นๆ ไม่มีใครคิดแพลนบีไว้ ยังคงเดินหน้าต่อไป และยืนยันว่าในวันที่ 30 เมษายนนี้ ตนจะเดินทางไปชี้แจงกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีการโอนหุ้น พร้อมหลักฐานสมุดจดทะเบียนบริษัทที่รายละเอียดทุกอย่างของผู้ถือหุ้นทุกคนอยู่ในนั้นด้วย

นายธนาธรกล่าวว่า ที่มีการบอกจะสืบค้นเรื่องการเดินทางจาก จ.บุรีรัมย์ กลับมากรุงเทพฯเพื่อโอนหุ้น ในวันที่ 8 มกราคม โดยสัญญาณโทรศัพท์มือถือนั้น ยินดีอย่างยิ่งและอนุญาตให้ทางดีแทคเปิดเผยข้อมูลสัญญาณได้เลย เรื่องจะได้จบ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งจ้องทำลายพวกเรา โดยที่พวกเขาไม่มีข้อมูลหรือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนเลย ยืนยันว่า การโอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 มกราคม ในทางกฎหมายมีผลผูกพันต่อผู้โอน ผู้รับ และบริษัท สมบูรณ์แล้ว ขั้นตอนที่ต้องไปแจ้งยังกระทรวงพาณิชย์นั้น อยู่นอกเหนือความควบคุมของตน ในวันสมัคร ส.ส.ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนก็คงจัดการกันตามกฎหมายแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าต้องชี้แจงว่า เคยถือหุ้นมาก่อนแต่โอนไปแล้ว ถ้าต้องการแบบนี้ กกต.ก็ต้องเขียนใหม่ให้ชัด

“สื่อบางสำนักพยายามทำข่าวเจาะเรื่องนี้ ด้วยการตั้งข้อสังเกตยิบย่อย แต่ปัญหาคือมันมีเส้นแบ่งระหว่างข่าวเชิงลึกคุณภาพกับข่าวที่ไร้ข้อเท็จจริง เช่น พาดหัว มีไฟลท์ทำไมไม่กลับ แต่ใช้รถรับส่งไพร่หมื่นล้าน วันนั้นมีพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ด้วย ไฟลท์เต็ม ใกล้ที่สุดคือที่สนามบินอุบลราชธานี แต่พอลองดูเวลาแล้วเห็นว่า การนั่งรถจากบุรีรัมย์ไปอุบลเพื่อขึ้นเครื่องแล้วต้องนั่งรถกลับจากดอนเมืองไปบางนาตราด ใช้เวลาพอกับการนั่งรถกลับจากบุรีรัมย์ไปที่บ้านผมเลย จึงยอมทิ้งตั๋วที่อุบลฯ แล้วมาตั้งประเด็นกันว่าวันที่ 8 มกราคมผมอยู่ไหน ทำไมไม่ไปหาตำรวจที่บุรีรัมย์ที่มาคอยอำนวยความสะดวกการหาเสียง คนขับรถ หรือรปภ.ที่หมู่บ้านผมบ้าง” นายธนาธรกล่าว

เมื่อถามถึงกระแสข่าวเชื่อมโยงกับผู้สมัครส.ส.จ.สกลนคร เขต 2 ที่ศาลชี้ว่า ขาดคุณสมบัติ อาจไปถึงขั้นยุบพรรค เพราะหัวหน้าไม่ตรวจสอบนั้น นายธนาธร กล่าวอีกว่า “เขาไม่ได้ขาย แต่ตนขาย ซึ่งการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวผ่านฐานข้อมูลเปิดในออนไลน์ ไม่สามารถหารายละเอียดในระดับของบริคนสนธิ หรือว่าบริษัททำกิจการประเภทอะไรได้ อนาคตใหม่มีผู้สมัครเกือบ 500 คน การตรวจสอบจะทำอย่างไร ขณะเดียวกันผมก็มีข้อมูลผู้สมัครส.ส.พลังประชารัฐ (พปชร.) กับประชาธิปัตย์(ปชป.) ที่เข้าข่ายกรณีแบบนี้อยู่เหมือนกัน ถ้าแบบนี้ยุบพรรค ก็ต้องยุบทุกพรรค เราก็จะฟ้องผู้สมัครพปชร.ในเคสเดียวกันด้วยเหมือนกัน ต่างกันที่ผู้สมัครพปชร.ยังถือหุ้นอยู่ แต่ผมขายแล้ว”

Advertisement

 

เมื่อถามถึงกระแสโจมตีแกนนำพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค จนอาจทำให้ไม่ได้เข้าสภานั้น นายธนาธร กล่าวว่า “ผมและแกนนำพรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่า ไม่เคยมีแนวคิดล้มสถาบันพระมหากษัตริย์เลย เพียงแต่เข้ามาทำงานการเมืองเพื่อเห็นประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย มีนิติรัฐ เท่าเทียมกัน โดยการจะไปถึงจุดนั้นต้องปฏิรูปกองทัพปฏิรูปข้าราชการที่ใหญ่เทอะทะ ซึ่งฉุดรั้งสังคมไทยไม่ให้ไปไกลมากกว่านี้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ทำให้คนกลุ่มหนึ่งเสียประโยชน์ 8 นโยบายในเรื่องนี้ ดีไม่ดีอาจต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี ถ้าเข้าสภาไป ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ผมจะทำให้เห็นว่า นักการเมืองที่ดีเป็นไปได้ เพื่อจะได้ทำให้คนกลับมายึดมั่นในระบอบรัฐสภาอีกครั้ง การเลือกต่อสู้ทางการเมืองผ่านระบบรัฐสภาคือ การประณีประณอมในตัวเองอยู่แล้ว เพราะอนาคตใหม่ไม่มีทางได้ส.ส.500คน การเปลี่ยนผ่านในกลไกรัฐสภาจึงต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีทาง upside-down ได้ภายในวันเดียว กลับกันหากปิดทางในรัฐสภาให้คนที่มีความฝันเดียวกันมหาศาลนับล้านคน ไม่ใช่สิ่งที่ดี เพราะต้องหันไปใช้ช่องทางการเปลี่ยนแปลงแบบอื่น”

เมื่อถามว่า สถานการณ์ทางการเมืองจะบานปลายลงท้องถนนอีกหรือไม่นั้น นายธนาธร กล่าวว่า ตอบแทนประชาชนไม่ได้ แต่เจตนารมย์ส่วนตัวของตน ต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ เพราะมีคนบาดเจ็บล้มตายบนท้องถนน มีฮีโร่กันเพียงพอแล้ว ตนจะไม่ทำให้ไปถึงจุดที่มีคนตายเพียงออกมากเรียกร้องประชาธิปไตยและความเป็นธรรม ซึ่งขอเรียนว่า การชุมนุมเรียกร้องบนท้องถนนอย่างสงบ ถือเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของประชาช ที่ได้รับการคุ้มครองไว้ในปฏิญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งรัฐบาลไทยรับรองไว้ เรื่องนี้ต้องได้รับการปกป้อง ไม่ถือว่าเป็นการสร้างความไม่สงบ ก่อความวุ่นวาย เพราะนี่คือวาทกรรม จากคนที่ได้อำนาจมาอย่างไม่ชอบธรรม และต้องการป้องกันอำนาจของตนเองไว้ กลัวประชาชนลุกขึ้นมาเพื่อทวงอำนาจ จึงสร้างวาทกรรมขึ้นมาหลอกลวงสังคม ทำให้ประชาชนหลงลืมสิทธิและเสรีภาพของตนเองที่ได้รับการคุ้มครองไว้ในรัฐธรรมนูญ

สำหรับสูตรคิดส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับตีความ แต่กกต.ยังไม่ได้ข้อยุตินั้น นายธนาธร กล่าวว่า การตัดสินใจของกกต.จะเป็นการกำหนดอนาคตของประเทศไทย หลังเลือกตั้ง พรรคฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช. 7 พรรครวมแล้วมี 254 เสียง เกินครึ่งหนึ่งของสภาล่าง สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ หากกกต.ตัดสินใจใช้สูตรคิดส.ส.บัญชีรายชื่อที่ทำให้พรรคฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช.เหลือเพียง 240 กว่าเสียงนั้น กกต.คือผู้เปลี่ยนประเทศไทยทันที ซึ่งเรื่องนี้น่าแปลกใจมาก เลือกตั้งไปแล้วหนึ่งเดือน แต่ผลเลือกตั้งยังคงไม่มีความชัดเจน ถ้าประชาชนไม่เชื่อมั่นในผลการเลือกตั้ง เราก็จะเดินหน้าประชาธิปไตยอีกครั้งไม่ได้ วาทกรรม ประชาธิปไตย 4 วินาทีในคูหาการเลือกตั้ง ของฝ่ายอนุรักษ์นิยมนั้น ไม่จริง พรรคที่จะมีส.ส.1คน ต้องมีคะแนน 7.1 หมื่นเสียง หากให้พรรคการเมืองที่ได้ 3-4 หมื่นเสียงมี ส.ส. 1 คน ทั้งที่เสียงเท่านี้ยังไม่อาจชนะส.ส.เขตบางเขตได้ ก็ต้องถามว่า ความเป็นธรรมนั้นอยู่ตรงไหน

“ยืนยันว่า ต้องใช้สูตรคิดส.ส.ที่จะทำให้อนาคตใหม่มีส.ส. 87 คน เพราะจะไม่มีพรรคไหนมีส.ส.เกินส.ส.พึงมี และทุกพรรคที่มีส.ส.จะมีอย่างน้อย 7.1 หมื่นเสียงทุกพรรค นายปิยบุตรจะแถลงข่าวต่อกรณีดังกล่าวอย่างชัดเจนอีกครั้งในสัปดาห์ และจะยื่นสูตรคิดส.ส.บัญชีรายชื่อให้กกต.นำไปพิจารณา” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธร กล่าวอีกว่า ผลการเลือกตั้งที่พรรคพลังประชารัฐได้ ถึง 8 ล้านเสียงนั้น ไม่ต้องตกใจ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า มีคนสนับสนุนพปชร.และพล.อ.ประยุทธ์จริงๆ ตลอด 5 ปีของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ มีการสร้างความเกลียดชัง สร้างปิศาจจำนวนมาก ให้เห็นว่า ความมั่นคงต้องเลือกพล.อ.ประยุทธ์ ขณะเดียวกันก็ใช้การดึงอดีตส.ส.ที่มีฐานคะแนนส่วนตัวมาสังกัดพปชร. เสียงส่วนหนึ่งจึงเป็นเพียงของตัวส.ส.ไม่ใช่พปชร. ส่วนอนค.ก็ไม่มีทางอื่นนอกจากรณรงค์อย่างหนักแน่น ใช้ข้อเท็จจริงและความจริงใจที่เข้มข้น เพื่อเปลี่ยนแปลง โดยไม่ใช้ความเกลียดชัง

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image