กลุ่มประชากรข้ามชาติจี้รัฐสอบเหตุวิสามัญชาวโรฮีนจา พร้อมหยุดขังอีก400ชีวิตในตม.พังงา

วันที่ 24 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายประชากรข้ามชาติออกแถลงการณ์เรียกร้องขอให้ยุติการกักขังบุคคลหรือผู้แสวงหาที่ลี้ภัยโดยไม่มีกำหนดและให้มีการสอบสวนกรณีวิสามัญฆาตกรรมชาวโรฮีนจาที่ จ.พังงาอย่างอิสระ จากกรณีได้เกิดเหตุการณ์ที่ชาวโรฮีนจา ซึ่งอยู่ในห้องกัก ภายใต้การควบคุมของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จ.พังงาได้พยายามหลบหนีออกจากห้องกัก ซึ่งต่อมาทางพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวกลับมาได้  5 คน พบว่าในขณะที่มีการพยายามควบคุมตัวผู้ที่หลบหนีนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่ได้วิสามัญฆาตกรรมชาวโรฮีนจาไปหนึ่งราย โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันตน

“เครือข่ายประชากรข้ามชาติซึ่งเป็นเครือข่ายในการติดตามการดำเนินนโยบายของรัฐในการบริหารจัดการด้านแรงงานข้ามชาติ สถานการณ์ของการเข้าเมืองของชาวโรฮีนจาในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ พบว่าในรอบหนึ่งปี รัฐบาลไทยได้มีความพยายามในการดำเนินการกวาดล้างกลุ่มขบวนการที่เกี่ยวข้องกับการขนย้ายคนอย่างผิดกฎหมาย เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ประเทศไทยเป็นที่จับตามองเรื่องการแก้ไขจัดการปัญหาด้านการค้ามนุษย์ คือกรณีการพบศพนิรนามมากกว่า 30 ศพ ที่ตำบลปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา และมีการขยายผลการสอบสวนทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมและดำเนินคดีแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์มากกว่า 80 ราย ซึ่งคดียังอยู่ในการพิจารณาคดีของศาลอาญา” แถลงการณ์ระบุ

ในแถลงการณ์กล่าวว่า มีชาวโรฮีนจาบางส่วนที่ไม่ได้รับการปฏิบัติในฐานะการเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ที่จะต้องถูกดำเนินคดีภายใต้พระราชบัญญัติคนเข้าเมืองและถูกควบคุมอยู่ในห้องกักของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จากการรวบรวมข้อมูลของเครือข่าย พบว่าห้องกักของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองหลายแห่งไม่ได้เหมาะสมต่อการควบคุมบุคคลผู้ต้องกักเป็นระยะเวลานาน ผู้ต้องกักหลายรายมีสภาพกล้ามเนื้ออ่อนแรง มีปัญหาทางระบบหายใจ ระบบทางเดินอาหาร มีการกักขังเด็กและเยาวชนที่มีอายุตั้งแต่ 4-18 ปี ซึ่งทำให้เกิดความเครียดย่อมเปิดช่องทางให้ขบวนการค้ามนุษย์ กลุ่มนายหน้าเข้าไปแสวงหาโอกาสในการดำเนินการได้มากขึ้น

“เครือข่ายเห็นว่า ‘การกักตัวเพื่อรอการผลักดันกลับ’ ที่ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดความพยายามหลบหนีออกจากสถานที่ควบคุมตัวของผู้ต้องกัก กระทั่งมีการวิสามัญฆาตกรรมต่อบุคคลที่พยายามหลบหนี เป็นการสะท้อนถึงความล้มเหลวในการบังคับใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมืองของรัฐที่ไร้มนุษยธรรม ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างที่สุด” จึงขอเรียกร้องต่อรัฐไทยในการดำเนินการ

Advertisement

นายอดิศร เกิดมงคล ผู้ประสานเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติยุติ กล่าวว่า เครือข่ายยุติการกักขังชาวโรฮีนจา 400 คนที่ดำเนินการมามากกว่า 12 เดือน และให้ใช้การควบคุมตัวภายนอกห้องกักภายใต้อำนาจตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง มาตรา 54 ในการให้ประกันภายใต้เงื่อนไข หรือมาตรา 17 ในการผ่อนผันอยู่ในประเทศ โดยคำนึงถึงการเป็นบุคคลที่แสวงหาที่ลี้ภัย / ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ที่ไม่สามารถกลับประเทศต้นทางได้ และยุติการกักขังเด็กและเยาวชนที่เดินทางเข้ามาในประเทศพร้อมกับผู้ปกครอง หรือเดินทางเข้ามาคนเดียว และให้ดำเนินการปกป้องและคุ้มครองที่เหมาะสมภายใต้พระราชบัญญัติเด็กแห่งชาติ พ.ศ.2546

“ให้ดำเนินการตรวจสอบเหตุวิสามัญชาวโรฮีนจา โดยหน่วยงานภายนอกหรือคณะทำงานที่เป็นอิสระจากหน่วยงานที่รับผิดชอบปฏิบัติการดังกล่าว และให้ดำเนินการไต่สวนการเสียชีวิตตามมาตรา 150 ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา รัฐบาลควรประสานงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศและภาคประชาสังคม เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน การกักขังอย่างไม่มีกำหนดคือการประหารชีวิตที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนาน” นายอดิศรกล่าว

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image