การดำรงอยู่ในทาง“การเมือง”ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังจะกลายเป็นประเด็น
เป็นประเด็น “อ่อนไหว”
เป็นความอ่อนไหวในขณะที่ “ร่างรัฐธรรมนูญ”ก้าวไปสู่การทำ “ประชามติ”
ถามว่า “สถานะ” ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นอย่างไร
หากดูชะตากรรมทางการเมืองของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา
จะเห็นได้ว่าเธอตกอยู่ในสถานะอัน “ถูกกระทำ”
ไม่เพียงแต่ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กลายเป็นคน”ตกงาน”อย่างแท้จริง
หากแต่ยังถูก “กล่าวหา” และ “ลงโทษ” อย่างต่อเนื่อง
ในแง่ของการถูก”ถอดถอน”ไม่เพียงแต่ป.ป.ช.มีมติ หากในที่ประชุมสนช.ก็ลงมติเห็นชอบด้วย
และยังถูกฟ้องร้องต่อ”ศาล”
นักการเมืองคนไหน หรือนายกรัฐมนตรีคนไหน ถูกกระทำถึงขั้นนี้ก็ต้องเรียกว่า “ยับเยิน”
แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยับเยินหรือไม่
หากประเมินผ่านเสียง“ขานรับ”จากประชาชนในวงกว้าง เหมือน
ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แทบไม่มีรอยบิ่น
ใฝฝ้า และราคี ไม่ปรากฏ
อย่างน้อยเว็บเพจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของเธอก็มี”แฟนานุ แฟน”ถึงกว่า 5.2 ล้านคน
เมื่อไปปรากฏตัวที่”ศาล”ก็มีคนไปมอบดอกไม้ให้
ทั้งมิได้เป็นการมอบดอกไม้และให้กำลังใจอย่างธรรมดา หากแต่ยังเปล่งเสียงร้อง
“นายกฯยิ่งลักษณ์ สู้-สู้”
โปรดสังเกตคำเรียกขานต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังคงมีคำว่า “นายกฯ”นำหน้าตลอด
ไม่ว่าที่กทม. ไม่ว่าที่จังหวัดใด
ถามว่า “ใบหน้า” อันเป็น “เทรดมาร์ค” ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คืออะไร
เหมือนกับว่าเป็น นายทักษิณ ชินวัตร “พี่ชาย”
แต่ที่ละเอียดอ่อนยิ่งกว่านั้นก็คือ ไม่ว่าเธอจะไปปรากฏตัว ณ ที่ใด เท่ากับเป็นการปรากฏตัวของ “พรรคเพื่อไทย”
เพราะเธอคือ “พรรคเพื่อไทย”
ไม่ว่าจะในฐานะที่เคยเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทย
หากเป็น”นายกรัฐมนตรี”ของพรรคเพื่อไทย
การเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากของพรรคการเมือง
และพรรคการเมืองนั้นก็คือ “พรรคเพื่อไทย”
พรรคเพื่อไทยอันยืนตรงข้ามกับ”รัฐประหาร”
