ประเด็นทางการเมืองก่อนจะถึงวันที่ 9 พฤษภาคม มิได้อยู่ที่ว่าชะตากรรมของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจและพรรคอนาคตใหม่จะเป็นอย่างไรเท่านั้น
หากทุกสายตายังจ้องจับไปยังสถานะของหลายคนไม่ว่าจะอยู่พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทยอีกด้วย
เพราะข้อมูลเริ่มมีความแจ่มชัด
ไม่เพียงแต่ นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ว่าที่ผู้สมัครเขต 15 กทม.พรรคพลังประชารัฐเท่านั้น หากแม้กระทั่ง นายณัฐพล ทีปสุวรรณ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ก็อยู่ด้วย
อีกทั้ง นายสาธิต ปิตุเดชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ถือครองหุ้นในบริษัทที่ประกอบธุรกิจสื่อ
คำถามที่ตามมาก็คือจะ “เลือกปฏิบัติ” อย่างไร
หากสำรวจพื้นที่การเคลื่อนไหวในขณะนี้ไม่ว่าจะมาจาก นายศรีสุวรรณ จรรยา อันถือได้ว่าเป็นนักร้อง “หน้าเก่า” หากแม้กระทั่งพรรคเพื่อไทยก็พุ่งเป้าเข้าใส่พรรคพลังประชารัฐ
นายศรีสุวรรณ จรรยา เน้นอย่างหนักแน่นไปยังการปราศรัย ของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ บนเวที อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
สัญญาว่าจะให้ในเรื่อง “บัตรคนจน”
พรรคเพื่อไทยเน้นไปยังบทบาทของรัฐบาลกับบทบาทของ พรรคพลังประชารัฐ
เน้นไปยังการเพิ่มเงินให้กับ “อาสาสมัครสาธารณสุข” (อสม.)
เริ่มจากมติครม.เพิ่มเงินในห้วงก่อนการเลือกตั้ง จากนั้นพรรคพลังประชารัฐก็เน้นอย่างหนักแน่นแทบจะทุกเวทีหาเสียงว่า เป็นผลงาน
ประเด็นมิได้อยู่ที่ว่ากกต.จะดำเนินการอย่างไร
เพราะพรรคพลังประชารัฐมิได้มีแต่ 2 เรื่องหลังนี้เท่านั้นหากแต่ยังคาราคาซังในเรื่องงานเลี้ยงโต๊ะจีนอีกด้วย
ปมเงื่อนยังวนอยู่โดยรอบกับคำว่า “เลือกปฏิบัติ”
ทั้งหมดนี้เหมือนกับเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบจากกกต.และเน้นน้ำหนักไปยังพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นด้านหลัก
เพราะมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นตัวชูโรง
ขณะเดียวกัน ก็มีกรรมการบริหารพรรคอย่าง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายณัฎพล ทีปสุวรรณ นายชาญวิทย์ วิภูศิริ เป็นตัวล่อเป้า
กกต.จะทำให้เรียบร้อยก่อน 9 พฤษภาคมได้อย่างไร
เกาะติดการเมือง กับ Line@มติชนการเมือง