เป็นอันแน่ชัดแล้วว่า การชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คน ใหม่จะเป็นระหว่าง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ กับ นายกรณ์ จาติวณิช เพียง 2 คนเป็นด้านหลัก
คนอื่นเสมอเป็นเพียงตัวประกอบ
เหมือนกับ นายกรณ์ จาติกวณิช จะมาในลักษณะอันเป็นตัว แทนของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เพราะ 1 เป็น ส.ส.กทม.มาก่อนเหมือนกัน
ยิ่งกว่านั้น เพราะ 1 เป็นนักเรียนอังกฤษและมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกันมาก่อน
แต่หากศึกษาเส้นทางอย่างเปรียบเทียบก็จะประจักษ์
ประจักษ์ในรากฐานที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ มีน้ำหนักมากกว่า นายกรณ์ จาติกวณิช
การจะดูว่าแคนดิเดตคนใดมีโอกาสได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคมากกว่า
องค์ประกอบ 1 ต้องมองท่าที นายชวน หลีกภัย
องค์ประกอบ 1 ต้องมองท่าทีของ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค
ความสัมพันธ์เชิงเปรียบเทียบ นายชวน หลีกภัย มีต่อ นาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เหนือกว่า นายกรณ์ จาติกวณิช ไม่เพียงเพราะว่า คนแรกเป็นนักการเมืองจากภาคใต้
หากแต่ในเบื้องต้นที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เสนอตัวเข้าสู่สนามการเลือกตั้งโดยมี นายบรม ตันเถียร อดีตส.ส.จากพรรคการเมืองอื่นเป็นคู่แข่ง
ขณะที่กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์หนุน นายบรม ตันเถียร มีแต่ นายชวน หลีกภัย ที่ยืนหยัดว่าต้องเอา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
นั่นก็คือ นายชวน หลีกภัย เปิดช่องให้อย่างเต็มพิกัด
ยิ่งหากดูจากการเลือกเลขาธิการพรรค ขณะที่ นายกรณ์ จาติกวณิช วางเป้าไปที่ภาคเหนือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เลือกเอา นักการเมืองจากประจวบคีรีขันธ์
มาเชื่อมระหว่างภาคใต้กับภาคกลาง
ยิ่งกว่านั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ยังเป็นนักการเมืองจาก ภาคใต้อันเป็นฐานเสียงแข็งแกร่งเสมอมาของพรรคประชาธิปัตย์
โอกาสของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ จึงมีสูงกว่า
